ซาโนฟี/จีเอสเคเผย ผลทดลองวัคซีนโควิดได้ประสิทธิภาพสูงถึง 95-100%
ซาโนฟี บริษัทผู้ผลิตยารายใหญ่ของประเทศฝรั่งเศส แถลงเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ว่าการทดลองในคนระยะที่สองของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งบริษัทพัฒนาขึ้นร่วมกับบริษัท แกล็กโซ สมิท ไคลน์ (จีเอสเค) ของอังกฤษ เพื่อดูประสิทธิภาพของวัคซีนประสบความสำเร็จด้วยดี มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโควิด-19 ทำให้สามารถเตรียมการการทดลองในคนระยะสุดท้ายได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ซาโนฟีระบุในถ้อยแถลงว่า ผลการทดลองระยะที่ 2 เบื้องต้น แสดงให้เห็นการเกิดสารภูมิต้านทาน (แอนติบอดี) ขึ้นในกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับวัคซีนสูงถึงระหว่าง 95 เปอร์เซ็นต์ ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ เมื่อได้รับการฉีดวัคซีนครบทั้งสองเข็ม ในทุกๆ กลุ่มอายุ (18-95 ปี) และในทุกๆ ระดับโดสของวัคซีน โดยมีผลข้างเคียงที่ยอมรับได้และไม่มีปัญหาด้านความปลอดภัยเกิดขึ้นแต่อย่างใด
ทั้งนี้ วัคซีนที่ซาโนฟี พัฒนาขึ้นเป็นวัคซีนประเภทใช้โปรตีนเป็นพื้นฐาน (protein-based vaccines) ซึ่งอาศัยโปรตีนบางส่วนที่ปลอดภัยของไวรัสเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดแอนติบอดีขึ้นในร่างกาย แต่ต้องใช้ควบคู่ไปกับสารเสริมฤทธิ์ (adjuvant) ซึ่งพัฒนาโดยจีเอสเค เพื่อกระตุ้นการเกิดภูมิคุ้มกันให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ซาโนฟีใช้ในการผลิตวัคซีนสำหรับโรคอื่นๆ อยู่ก่อนแล้ว รวมทั้งวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
ความสำเร็จครั้งนี้ทำให้ซาโนฟี/จีเอสเค เตรียมทดลองในคนระยะที่ 3 ในระดับโลกขึ้น โดยใช้กลุ่มตัวอย่างวัยผู้ใหญ่กว่า 35,000 คน ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยคาดว่าจะประสบความสำเร็จได้รับอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินได้เช่นเดียวกับวัคซีนอีกหลายตัวที่ผ่านมาภายในไตรมาส 4 ของปีนี้
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ซาโนฟี/จีเอสเค ถูกบังคับให้เริ่มต้นกระบวนการทดลองในคนของตนใหม่หมด หลังจากพบว่ากลุ่มตัวอย่างที่ได้วัคซีนเกิดภูมิคุ้มกันต่ำมากในกลุ่มผู้สูงอายุ เนื่องจากหนึ่งในแอนติเจนที่ใช้ในสูตรวัคซีนออกฤทธิ์อ่อนมาก
หากได้รับความเห็นชอบให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินได้ วัคซีนซาโนฟี/จีเอสเค จะเป็นวัคซีนในระดับหัวแถวที่มีประสิทธิภาพสูงเกินกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับวัคซีนไฟเซอร์/ไบออนเทค และโมเดอร์นา แต่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตที่ไม่แพงและผลิตได้รวดเร็วกว่า โดยในขณะนี้ ซาโนฟี มีสัญญาจองซื้อวัคซีนจาก สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, อังกฤษ และสหภาพยุโรป (อียู) อยู่แล้ว
