แฮนยอมือใหม่ ในวันที่โลกเปลี่ยน
สำนักข่าวรอยเตอร์ได้เผยแพร่เรื่องราวของการเป็นแฮนยอ หญิงเกาหลีที่ทำอาชีพดำน้ำลงไปเก็บสัตว์ทะเลบริเวณรอบชายฝั่ง โดยส่วนใหญ่ผู้ที่ทำอาชีพนี้มีอายุมากแล้วราว 60-80 ปีและการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอาจทำให้อาชีพเก่าแก่หลายร้อยปีอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของเกาหลีใต้นี้สูญหายไปได้
จินโซฮีในชุดเวตสูทสีดำและหน้ากากดำน้ำสีชมพูอยู่ท่ามกลางทะเลสีเขียวฟ้าและเมื่อดำน้ำลงไปตีนกบสีม่วงก็หายลงไปใต้ทะเลลึก เมื่อผ่านไปได้นาทีกว่าเธอก็กลับขึ้นมาสู่ผิวน้ำพร้อมกับปลิงทะเลราว 6-7 ตัวในมือ และแผ่นหลังของเธอกระทบกับแสงแดดเป็นประกายระยิบระยับ
“นี่เป็นตัวที่ใหญ่ที่สุดแล้ว เราทำยังไงกันดี” เธอถามเพื่อนร่วมงานของเธอ อูจองมิน “หัวหน้าเราต้องโกรธแน่ๆเลย เขาบอกให้เราหาอันที่ใหญ่ๆวันนี้”
การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและมลพิษทางสิ่งแวดล้อมทำให้การหาสัตว์น้ำในทะเลยากลำบากขึ้นสำหรับโซฮีและจองมิน และแฮนยอคนอื่นๆ
เป็นเวลาถึง 6 ปีที่โซฮี วัย 28 ปีได้ดำน้ำลงไปในทะเลที่หนาวเหน็บนอกชายฝั่งเกาะเคจอเพื่อหาหอยเป่าฮื้อ หอยสังข์ สาหร่ายและสัตว์ทะเลอื่นๆด้วยมือและนำไปขายที่ตลาดในพื้นที่
น้ำทะเลเป็นน้ำแข็งน้อยลงทุกปี เนื่องจากอุณหภูมิอุ่นขึ้นราว 2.6 เท่าจากค่าเฉลี่ยอุณหภูมิโลก ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัยของสัตว์ใต้ทะเลและทำให้เกิดความสงสัยถึงอนาคตของเหล่าแฮนยอ
โซฮีกับจองมินเป็นหนึ่งในแฮนยอที่อายุน้อยที่สุดกำลังเผชิญกับยุคสมัยที่โหดร้ายสำหรับแฮนยอ ทั้งการทำประมงที่ก้าวหน้าขึ้นและการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตในชนบทท่ามกลางโลกสุดไฮเทคของเกาหลีใต้
แฮนยอส่วนใหญ่ที่มีชีวิตอยู่อายุเกิน 70 ปีและอยู่ในเมืองปูซาน อดีตแฮนยอคนหนึ่งกล่าวกับรอยเตอร์ว่า สัตว์น้ำที่จับได้ในตอนนี้เป็นเพียงแค่เศษส่วนเดียวเท่านั้นเมื่อเทียบกับปริมาณที่เคยจับได้เมื่อหลายสิบปีก่อน
“ฉันจะทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะไม่ไหว และความปรารถนาของฉันคืออยากให้อาหารทะเลเหล่านี้ยังมีอยู่ต่อไปเพื่อที่ฉันจะได้ทำงานต่อไป” โกบอกฮวา วัย 86 ปีที่เริ่มดำน้ำมากตั้งแต่อายุ 13 กล่าว
โซฮีและจองมินพยายามปรับตัวโดยทำช่องยูทูปชื่อว่า “Yozum Haenyeo” (แฮนยอสมัยใหม่) เพื่อเผยแพร่เรื่องราวชีวิตและการทำงาน โดยวิดีโอที่ได้รับความนิยมมากที่สุดมียอดเข้าชมมากกว่า 600,000 วิว
แต่การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอาจทำลายความหวังในการเป็นแฮนยอของพวกเธอไปตลอดกาล
“ฉันคิดว่าถ้าร่างกายฉันยังแข็งแรงอยู่ ฉันก็อาจจะเป็นแฮนยอที่แก่ที่สุดเมื่อตอนฉันอายุ 90 หรือ 100 ปี” โซฮีบอกกับทางรอยเตอร์ และ”ตอนที่ฉันนึกถึงเรื่องนั้น สุขภาพของฉันไม่ใช่สิ่งเดียวที่น่ากังวล ฉันกังวลว่าอาชีพนี้จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก หรือหายไปเลย เพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ”
หลักฐานที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงทางสภาพแวดล้อมที่แฮนยอสังเกตเห็นได้รับการยืนยันจากนักวิทยาศาสตร์ชาวเกาหลีใต้ที่พยายามที่จะศึกษาและปกป้องการทำประมงของประเทศ
“การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดการเปลี่ยนของที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลและทำให้สัตว์ต่างถิ่นเข้ามาอยู่อาศัยเพิ่มขึ้น” โกจุนชอล นักวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์การประมงแห่งชาติ
ระหว่างปี 1968 – 2017 อุณหภูมิบนผิวน้ำทะเลในบริเวณเกาหลีเพิ่มสูงขึ้น 1.2 เซลเซียส เทียบกับค่าเฉลี่ยของโลกซึ่งอยู่ที่ราว 0.48 องศาเซลเซียสเท่านั้น
น้ำที่อุ่นขึ้นทำให้สิ่งมีชีวิตจากเขตร้อนชนิดใหม่ๆเข้ามาแทนที่สัตว์ทะเลดั้งเดิมที่แฮนยอเคยจับ และการเปลี่ยนแปลงของพื้นทะเลอย่างการที่มีปะการังหินเพิ่มขึ้นได้ไปทำลายทุ่งสาหร่ายขนาดใหญ่ที่เคยมีมาก่อนและแทนที่ด้วยสาหร่ายปะการังที่หน้าตาเหมือนหินซึ่งส่งผลให้ทรัพยากรทางทะเลลดลง
ในช่วงปี 1990 นักวิทยาศาสตร์จะเห็นสิ่งมีชีวิตจากเขตร้อน 1-2 ชนิดบริเวณเกาะต่างๆตามชายฝั่งทางใต้ของเกาหลี แต่ผลการศึกษาในช่วงปี 2012-2020 พบสิ่งมีชีวิตจากเขตร้อนมากถึง 85 ชนิดซึ่งเป็นปริมาณที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของสัตว์ทะเลในบางพื้นที่
ตั้งแต่ปี 2011 รัฐบาลได้พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงสภาพทะเลที่เปลี่ยนไปเพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
“มารีนฟอเรสครีเอชั่นโปรเจก เป็นโครงการที่จะมีทั้งการปลูกสาหร่ายใหม่ซึ่งสาหร่ายจะช่วยดูซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากน้ำและจะนำหอยแม่นที่กินพืชใต้ทะเลออกไป ถ้าสาหร่ายหายไป นั่นหมายถึงแหล่งอาหารของสัตว์ พื้นที่วางไข่และที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลหายไป” จอนบยองฮี เจ้าหน้าที่ของกองฟื้นฟูระบบนิเวศของสำนักงานทรัพยากรประมงเกาหลีกล่าว
สาหร่ายที่น้อยลง ทำให้แฮนยอต้องดำน้ำลงไปลึกขึ้นเพื่อหาอาหารเพิ่มขึ้น โซฮีกล่าว ซึ่งนั่นเป็นความท้าทายต่อร่างกายอย่างยิ่ง และยังต้องรับมือกับมลพิษที่เพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย ซึ่งทำให้อาชีพที่เสี่ยงอันตรายอยู่แล้วนี้มีความยากลำบากมากขึ้นไปอีก
“ตอนนี้ฉันเจอลูกกอล์ฟมากกว่าปลิงทะเลแล้ว” โซฮีบอก
แฮนยอระบุว่า การเปลี่ยนแปลงต่างๆรุนแรงขึ้นในทุกๆปี ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลเป็นพิเศษสำหรับนักดำน้ำรุ่นใหม่ที่มีจำนวนลดน้อยลง ในความพยายามที่จะรักษาวัฒนธรรมนี้ให้คงอยู่ต่อไป และสร้างรายได้ได้มากพอที่แฮนยอจะมีอาหารกินในทุกๆวัน
“ปัญหาดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่จริงมากสำหรับเรา” จองมินกล่าวหลังจากประเมินปริมาณสัตว์น้ำที่จับได้ซึ่งลดลงอีกและคิดบัญชีรายจ่ายของวันล่าสุด “วันนี้ ฉันคิดถึงเรื่องนั้นอีกครั้ง มันเป็นเรื่องที่ซีเรียสจริงๆ”