เผยอาเซียนค้านคว่ำบาตรอาวุธเมียนมา ชาวบ้านสุดระทม ข้าวยากหมากแพง
เบนาร์นิวส์ สื่อในเครือสถานีวิทยุฟรีเอเชียรายงานเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม อ้างนายจอร์จ สปาร์เบอร์ รองผู้แทนถาวรลิกเตนสไตน์ประจำสหประชาชาติ(ยูเอ็น) เผยว่า 9 ชาติอาเซียนออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านยูเอ็นไม่ให้รับรองการคว่ำบาตรอาวุธต่อเมียนมา
นายสปาเบอร์กล่าวว่า 9 ชาติอาเซียน ที่ไม่มีเมียนมารวมอยู่ด้วย ได้ส่งจดหมายในนามอาเซียนไปยังนานาประเทศที่ให้การสนับสนุนร่างข้อมติของสมัชชาใหญ่(ยูเอ็นจีเอ)ว่าด้วยเรื่องเมียนมา โดยเนื้อความในจดหมายร้องขอให้ประเทศที่สนับสนุนร่างข้อมตินี้ ตัดถ้อยคำที่ระบุให้ระงับการจัดหา การจำหน่าย หรือ ส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกชนิดให้กับเมียนมาออกไปจากร่างข้อมติดังกล่าว
คณะผู้แทนถาวรลิกเตนสไตน์ยังไม่ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ ขณะที่โฆษกกระทรวงต่างประเทศอินโดนีเซียกล่าวว่ายังไม่ทราบเรื่อง พร้อมให้รอยเตอร์สอบถามทางอาเซียน ซึ่งโฆษกอาเซียนยังไม่ได้ความเห็นใดๆ โดยอาเซียนเป็นผู้นำในการดำเนินความพยายามทางการทูตในการยุติเหตุความรุนแรงในเมียนมาและสนับสนุนให้เกิดการเจรจาระหว่างคู่ขัดแย้งในเมียนมา
ท่ามกลางรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพีว่าชาวเมียนมากำลังเผชิญกับภาวะข้าวยากหมากแพงหนักหลังจากเกิดเหตุรัฐประหารขึ้นในเมียนมาที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจและการธนาคารของเมียนมาเป็นอัมพาต
จากครอบครัวที่เคยมีกำลังซื้อหาเนื้อหมูกินได้ทุกวัน ต้องหันมากินกะปิ กินผักแทน ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในพื้นที่ห่างไกลพุ่งสูงหนัก เช่นในรัฐคะฉิ่น ราคาข้าวสารพุ่งขึ้นจากเดิมกว่า 50% ขณะที่ต้นทุนการขนส่งผลผลิตจากฟาร์มไปยังเมืองต่างๆ ก็พุ่งสูงขึ้นหลังจากราคาน้ำมันถีบตัวขึ้นไปถึง 30%
โครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติประเมินว่าภายใน 6 เดือนข้างหน้า จะมีประชาชนในเมียนมามากถึง 3.4 ล้านคนที่จะเผชิญความหิวโหย และจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือด้านอาหารเพิ่มถึง 3 เท่า
