โควิดพันธุ์เดลตาทำยอดติดเชื้ออังกฤษพุ่ง 50% แม้ปชช.ฉีดวัคซีนครบแล้วเกือบครึ่ง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การศึกษาที่นำโดยอิมพิเรียลคอลเลจของลอนดอนเปิดเผยเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนว่า การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาซึ่งพบครั้งแรกในอินเดีย ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในอังกฤษเพิ่มสูงขึ้นถึง 50% นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ขณะที่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ชะลอการยกเลิกการล็อกดาวน์ออกไปจนถึงวันที่ 19 กรกฎาคม
โดยจากการสำรวจความชุกของโรคครั้งล่าสุดนี้มีขึ้นระหว่างวันที่ 20 พฤษภาคม – 7 มิถุนายน และพบว่ามีความชุกของโรค 0.15% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคมที่ 0.10%
นายสตีเวน ไรลีย์ ศาสตราจารย์ด้านการเปลี่ยนแปลงของโรคติดต่อจากอิมพิเรียลคอลเลจลอนดอนระบุว่า ความชุกของโรคเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณโดยกลุ่มคนอายุน้อย และพบว่าความชุกของโรคเพิ่มเป็น 2 เท่าทุกๆ 11 วัน เห็นได้ชัดว่านี่เป็นข่าวร้ายจริงๆ
ทั้งนี้การศึกษาดังกล่าวเป็นหนึ่งในการศึกษาความชุกที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ด้วยอาสาสมัครในการทดสอบครั้งล่าสุดถึง 109,000 คน
นอกจากนี้นายไรลีย์ระบุว่า เปอร์เซ็นต์การฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมสูงในอังกฤษทำให้ยากต่อการคาดการณ์ว่า การเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นนี้จะสิ้นสุดเมื่อใด และระบุว่า การเร่งฉีดวัคซีนให้กลุ่มคนอายุน้อยอาจช่วยชะลอความเร็วลงได้
ขณะนี้ประชากรผู้ใหญ่ในอังกฤษครึ่งหนึ่งได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้วและมากกว่า 3 ใน 4 ของประชากรผู้ใหญ่ในอังกฤษได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส