อธิบดีกรมพิธีการทูตเล่า พิธีพระราชทานเพลิงศพ ร่วมอาลัยท่านทูตยูเครน

อธิบดีกรมพิธีการทูตเล่า
พิธีพระราชทานเพลิงศพ
ร่วมอาลัยท่านทูตยูเครน

///

หมายเหตุ “มติชน” ข่าวการถึงแก่กรรมของ นายอันดรีย์ เบชตา (Mr. Andrii Beshta) เอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทย ขณะไปพักผ่อนและพบกับมิตรสหายที่เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา สร้างความตกใจให้กับผู้ที่ได้รับทราบ มติชนพูดคุยกับ นายจิตติพัฒน์ ทองประเสริฐ อธิบดีกรมพิธีการทูต กระทรวงการต่างประเทศ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และพิธีพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ ก่อนจะมีพิธีส่งอัฐิของท่านทูตยูเครนกลับมาตุภูมิ

///

เจ้าหน้าที่กรมพิธีการทูตดูแลความเรียบร้อยในงานศพ

เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ท่านทูตเบชตาพร้อมด้วยบุตรชายและเพื่อนคนไทยของท่าน เดินทางไปที่เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล เพื่อพบปะกันเพื่อน กึ่งๆ อำลาก่อนที่ท่านจะพ้นวาระการดำรงตำแหน่งในไทย ในเบื้องต้นกรมที่มีบทบาทคือกรมยุโรป กระทรวงการต่างประเทศ ที่ได้รับแจ้งเหตุการเสียชีวิตของท่านทูตเนื่องจากระบบการหายใจและการไหลเวียนโลหิตล้มเหลว จึงได้มีการประสานงานกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล สถานเอกอัครราชทูตยูเครน และครอบครัวของท่านทูตเกี่ยวกับการนำศพของท่านทูตจากจ.สตูลกลับมายังกรุงเทพ

Advertisement

เมื่อมีการเคลื่อนย้ายศพของท่านทูตเบชตามาถึงโรงพยาบาลตำรวจ กรมพิธีการทูตเข้ามารับหน้าที่เป็นแม่งานหลัก โดยรองอธิบดีกรมพิธีการทูตและเจ้าหน้าที่กองแบบพิธี ของกรมพิธีการทูต ก็รออยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อคอยอำนวยความสะดวกให้กับครอบครัวของท่านทูตเบชตา ทั้งการขอรับหนังสือรับรองการตายจากสถาบันนิติเวช ของโรงพยาบาลตำรวจ และใบมรณบัตรจากสำนักงานเขตปทุมวัน โดยได้รับแจ้งจากทางครอบครัวของท่านทูตว่าประสงค์จะจัดพิธีศพตามหลักศาสนาพุทธ ที่วัดเทพศิรินทราวาส

ท่านทูตอันดรีย์ เบชตา

ท่านทูตเบชตากำลังจะพ้นหน้าที่และเตรียมตัวเดินทางกลับยูเครน การเดินทางมาประจำการในไทยของท่านครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกท่านรับตำแหน่งที่ปรึกษาในช่วงปี 2550-2554 ก่อนจะกลับมาดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งยูเครนประจำประเทศไทยเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559 หากรวมระยะเวลาที่ท่านทูตเบชตาประจำการอยู่ในประเทศไทยก็เป็นเวลา 9 ปีกว่าเกือบ 10 ปี ทำให้ท่านมีเพื่อนคนไทยอยู่มาก และมีความคุ้นชินกับขนบประเพณีไทย ซึ่งน่าจะมีส่วนให้ครอบครัวของท่านทูตประสงค์จะจัดพิธีศพตามหลักศาสนาพุทธ

ในฐานะเอกอัครราชทูตยูเครนซึ่งเป็นเสมือนผู้แทนประมุขและผู้แทนรัฐบาลยูเครนที่มีปฎิสัมพันธ์กับไทย กระทรวงการต่างประเทศก็มีแนวปฏิบัติในการทำหนังสือกราบบังคมทูลเข้าไปสำนักพระราชวัง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์เชิญพวงมาลาหลวงและพวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี วางหน้าหีบศพขอท่านทูต ณ ศาลา 1 ของวัดเทพศิรินทราวาส ทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับศพของท่านทูตเบชตาไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษอีกด้วย

ผู้บริหารกระทรวงการต่างประเทศร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพ

ในวันประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานในพิธีเชิญผ้าไตรบังสุกุลพระราชทาน ทอดถวายพระสงฆ์บังสุกุล และประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพแก่เอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทย โดยมี นางนาตาเลีย เบชตา ภริยาของท่านทูตเบชตาและบุตรชายทั้ง 2 คนของท่านทูต นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำการกระทรวงการต่างประเทศ นายธานี ทองภักดี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ผู้บริหารกระทรวงการต่างประเทศ คณะทูตานุทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย และบุคคลใกล้ชิดของเอกอัครราชทูตยูเครนเข้าร่วม โดยบุตรชายของท่านทูตได้อ่านชีวประวัติเป็นภาษาอังกฤษและได้อ่านข้อความสำนักในพระมหากรุณาธิคุณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ในช่วงเช้าวันเดียวกันก่อนพิธีพระราชทานเพลิงศพจะเริ่มขึ้น ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศและครอบครัวเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทย ได้ประกอบพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระราชทาน ทอดผ้าบังสุกุล และถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ และก่อนพิธีทางการจะเริ่มขึ้นมีการนำดนตรีมาเล่นเพื่อรำลึกถึงท่านทูตเบชตาตามความประสงค์ของครอบครัว ขณะที่หลังวันพระราชทานเพลิงศพมีการเก็บอัฐิตามประเพณีโดยมีเจ้าหน้าที่กองแบบพิธีเข้าร่วมด้วย จากนั้นทางครอบครัวของท่านทูตเบชตาได้นำอัฐิบางส่วนไปลอยอังคารที่จ.สตูลด้วย

รองนรม.และรมว.กต.แสดงความเสียใจกับครอบครัว

หลังจากนี้จะมีพิธีส่งอัฐิท่านทูตเบชตากลับยูเครนต่อไป ซึ่งกำลังรอทางครอบครัวว่ามีกำหนดจะเดินทางกลับเมื่อใด โดยพิธีส่งอัฐิท่านทูตจะมีรถตำรวจนำจากทำเนียบทูตหรือสถานเอกอัครราชทูตยูเครนไปยังสนามบิน ซึ่งจะมีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศรอรับ มีการนำพวงมาลัยวางบนกล่องบรรจุอัฐิของท่านทูต มีทหารกองเกียรติยศเป่าแตร และมีการแสดงความเคารพอัฐิก่อนนำอัฐิของท่านทูตขึ้นเครื่องบิน เป็นพิธีตามแนวปฎิบัติที่เรียบง่ายและสมเกียรติ

ก่อนหน้านี้ในปี 2548 เอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำประเทศไทยเคยเสียชีวิตขณะดำรงตำแหน่งมาแล้ว ในครั้งนั้นท่านทูตเกาหลีเหนือเสียชีวิตที่โรงพยาบาลเนื่องจากป่วย สถานทูตเกาหลีเหนือจัดพิธีศพของท่านทูตเอง ทางกรมพิธีการทูตจึงช่วยประสานงานเฉพาะพิธีส่งอัฐิเท่านั้น

อธิบดีกรมพิธีการทูตร่วมงานสวดพระอภิธรรมศพทุกวัน

สำหรับท่านทูตเบชตานั้นถือว่าเสียชีวิตขณะมีอายุน้อยมากคือ 44 ปีเท่านั้น ท่านทูตประจำการในเมืองไทยนานเกือบ 10 ปี ลูกๆ ของท่านก็โตที่ไทย ท่านรักเมืองไทยมาก มีเพื่อนเยอะ เพราะเป็นคนมีมีอุปนิสัยน่ารัก เหตุผลหนึ่งที่ท่านทุตและครอบครัวตัดสินใจให้จัดพิธีศพที่ไทยก็เพราะท่านมองไทยเป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2 ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศก็เข้ามาอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ เริ่มจากกรมยุโรป และการประสานกับหน่วยงานต่างๆ ตั้งแต่ต้นทางที่จ.สตูล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และต้องขอบคุณความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ที่ทำให้พิธีศพของท่านทูตเป็นไปอย่างเรียบร้อยและสมเกียรติ

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ท่านทูตเบชตามีบทบาทสำคัญที่ช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งในปี 2565 จะครบการฉลอง 30 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-ยูเครน นักท่องเที่ยวยูเครนเดินทางมาเยือนไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีนักท่องเที่ยวยูเครนเดินทางเยือนไทยเกือบ 1 แสนคน ขณะที่ในช่วงไม่กี่เดือนแรกของปี 2563 ก็มีนักท่องเที่ยวยูเครนเดินทางมาไทยเกือบ 3 หมื่นคน

กรมพิธีการทูตคอยอำนวยความสะดวกและให้ความมั่นใจกับครอบครัวท่านทูตว่าเราจะดูแลอย่างดีที่สุด ผมยังได้โทรคุยกับภริยาของท่านทูตเบชตาเพื่อให้ทางครอบครัวเชื่อมั่นและอุ่นใจว่าเราจะทำทุกอย่างให้เรียบร้อยสมเกียรติ และไปร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมศพทุกวัน ทุกอย่างที่เราทำเป็นไปตามความประสงค์ของครอบครัวของท่านทูตและทำตามที่ได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทย

จิตติพัฒน์ ทองประเสริฐ
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image