ครบ 100 ปีพรรคคอมมิวนิสต์จีน สีกร้าวอย่ารังแกกัน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้นำจีนที่ได้ชื่อว่ามีอิทธิพลสูงสุดนับตั้งแต่เหมา เจ๋อตุง และ เติ้ง เสี่ยวผิง ขึ้นกล่าวปราศรัยเนื่องในพิธีเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ปะรำพิธีด้านใต้บริเวณกำแพงเมืองต้องห้าม ในจัตุรัส เทียนอันเหมิน ต่อหน้าประชาชนที่ได้รับเชิญมาเป็นพิเศษ 70,000 คน ประกาศอย่างแข็งกร้าวว่า กองกำลังต่างชาติไม่ควรพยายามคุกคาม รังแก กดขี่ หรือกดจีนลงเป็นข้าทาส ไม่เช่นนั้นจะถูกจับโขกศีรษะเข้ากับ “กำแพงเหล็กจีน” ที่หล่อหลอมขึ้นด้วยน้ำมือของประชาชน 1,400 ล้านคนจนเลือดอาบ
นายสี ยืนยันว่า “สังคมนิยมเท่านั้นที่จะช่วยให้จีนอยู่รอด” และแสดงความชื่นชมต่อประชาชนจีนว่า “ไม่ได้มีดีแค่การทำลายล้างโลกเก่า แต่ยังสามารถรังสรรค์โลกใหม่ขึ้นมาได้อีกด้วย”
ผู้นำสูงสุดของจีน ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานกรรมาธิการทหาร ที่ควบคุมกองทัพทั้งหมดของจีนอยู่ด้วย และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการปรับปรุงกองทัพประชาชนจนทันสมัย แต่ก็กลายเป็นเหตุก่อความวิตกกังลขึ้นในหมู่ชาติเพื่อนบ้านในเอเชียและในโลกตะวันตก ยืนยันว่า จีนยังคงจำเป็นต้องเร่งพัฒนาระบบป้องกันประเทศและกองทัพให้ทันสมัยยิ่งขึ้นจนถึงระดับมาตรฐานโลกโดยเร็ว เพื่อให้ทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองอธิปไตย, ความมั่นคงและพัฒนาการทั้งหลาย
นายสีย้ำด้วยว่า ภารกิจในการผนวกไต้หวันกลับคืนมา ถือเป็นภารกิจประวัติศาสตร์ที่ไม่มีวันคลอนแคลนของ “ลูกหลานหญิงชายทั้งหลายของแผ่นดินจีน” ที่ต้องทำงานร่วมกันอย่างมุ่งมั่นเพื่อความสมานฉันท์ ทุบทำลายแผนการใดๆ เพื่อทำให้ไต้หวันเป็นอิสระ ในขณะที่ยังคงยืนยันพันธะตามข้อตกลงใช้หลักการ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ในการปกครองเขตปกครองพิเศษฮ่องกงและมาเก๊าต่อไป
อย่างไรก็ตามจีนได้บังคับใช้ “กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ” ใหม่ในฮ่องกงเมื่อราว 1 ปีที่ผ่านมา ในการควบคุมความเคลื่อนไหวเพื่อเสรีประชาธิปไตยใดๆ อย่างเข้มงวด จนกลายเป็นหนึ่งในจุดที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักไปทั่วโลก คู่กับปัญหาการดำเนินการต่อชนกลุ่มน้อยอุยกูร์ในมณฑลซินเจียง และเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาหลักที่จีนต้องแก้ไขในเวลานี้เช่นเดียวกับปัญหาประชากรสูงอายุที่อาจส่งกระทบรุนแรงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต
พรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งก่อตั้งขึ้นจากการเกณฑ์ชาวนาและกรรมกรเป็นหลัก ขยายตัวอย่างมั่นคงไปสู่ประชาชนกลุ่มอื่นๆ โดยในปี 2020 สมาชิกพรรคเพิ่มขึ้นมากถึง 2.43 ล้านคน ถือเป็นการเพิ่มขึ้นต่อปีสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้พรรคมีสมาชิกมากถึง 95.15 ล้านคนในเวลานี้ หลังวิวัฒนาการนำเอาระบบเศรษฐกิจการตลาดและการเป็นเจ้าของกิจการของระบอบทุนนิยมมาใช้ ภายใต้แนวคิด “แบบฉบับสังคมนิยมจีน” ที่ยังคงรูปแบบรวมศูนย์แห่งอำนาจอยู่ที่พรรคตามแบบฉบับเลนินนิสต์ไว้ต่อไป
อย่างไรก็ตามผลสำรวจของ พิว รีเสิร์ช เซนเตอร์ ของสหรัฐอเมริกาใน 17 ชาติเศรษฐกิจก้าวหน้าของโลก พบว่า ทัศนะของต่างประเทศต่อจีนส่วนใหญ่ยังคงเป็นลบ และความเชื่อมั่นต่อตัวนายสี จิ้นผิง ลดลงจนถึงระดับต่ำใกล้ถึงจุดต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์เช่นเดียวกัน
นายถัง เหรินหวู ศาสตราจารย์ด้านบริหารรัฐกิจ จากมหาวิทยาลัยสามัญชนปักกิ่ง ชี้ว่าคำปราศรัยที่แข็งกร้าวผิดปกติของนายสีครั้งนี้อาจส่งผลให้เกิดความรู้สึกรักชาติและชาตินิยมในหมู่ชาวจีนมากยิ่งขึ้น
