พิษเดลต้า! มะกันติดโควิดรายใหม่ใน 7 วันพุ่ง 47%
ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า โควิดกลายพันธุ์เดลต้ากำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก ซึ่งรวมถึงสหรัฐที่กลายเป็นอีกประเทศหนึ่งที่พบการเพิ่มขึ้นของการแพร่ระบาดเป็นจำนวนมาก กระทั่งผู้เชี่ยวชาญต้องออกมาเตือนว่าอาจจะมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มขึ้นตามมาในเร็วๆ นี้
ตัวเลขของมหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปสกินส์ระบุว่า ในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมาตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ของสหรัฐเฉลี่ยอยู่ที่ 19,455 คน เพิ่มขึ้นถึง 47% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน
ดร.โจนาธาน ไรเนอร์ นักวิเคราะห์ด้านแพทยศาสตร์ของซีเอ็นเอ็น เผยว่า หนึ่งในสามของผู้ติดเชื้อรายใหม่มาจากจุดที่พบการแพร่ระบาดมากใน 5 รัฐ ประกอบด้วย ฟลอริดา ลุยเซียนา อาร์คันซอ มิสซูรี และเนวาดา โดยในรัฐมิสซูรีมีรายงานว่าห้องพักผู้ป่วยหนัก (ไอซียู) เต็มไปด้วยคนไข้จำนวนมาก และตัวเลขผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นจนทำให้ตกใจ
ที่โรงพยาบาลเมอร์ซีในสปริงฟิลด์ รัฐมิสซูรี มีรายงานว่า 91% ของผู้ป่วยในไอซียูต้องอาศัยเครื่องช่วยหายใจ และคนไข้หนักจำนวนมากมีอายุตั้งแต่ 20-40 ปี ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวลอย่างยิ่ง เพราะแม้กระทั่งในช่วงที่มีการแพร่ระบาดสูงสุดเมื่อปีกลาย จำนวนคนไข้หนักในไอซียูที่ต้องอาศัยเครื่องช่วยหายใจอยู่ที่ 40-50% เท่านั้น
จำนวนผู้ติดโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐยังส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 3-4 สัปดาห์ที่ผ่านมาอีกด้วย
ดร.ไรเนอร์กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่รู้สึกเศร้าใจคือการเสียชีวิตเหล่านี้สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะขณะนี้มีวัคซีนพร้อมให้ฉีด แต่จากตัวเลขของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (ซีดีซี) ราว 1 ใน 3 ของผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไปในสหรัฐยังคงไม่ได้รับวัคซีน ซึ่งมีประสิทธิภาพในการรับมือกับไวรัสกลายพันธุ์ได้
จากสถิติทั่วประเทศสหรัฐมากกว่า 99% ของผู้ที่เสียชีวิตเนื่องจากโควิด-19 เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเป็นผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ขณะที่จำนวนผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนทั่วประเทศลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เหลือเพียงราว 246,000 คนต่อวัน หรือลดลงจากเดือนเมษายนที่มีการเข้ารับการฉีดวัคซีนสูงสุดถึง 88%
