สื่อนอกตีข่าว ไทยกลับลำเข้าร่วมโคแวกซ์

แฟ้มภาพรอยเตอร์

สื่อนอกตีข่าว ไทยกลับลำเข้าร่วมโคแวกซ์

เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม สำนักข่าวเอพี รายงานข่าวเรื่องการออกมาขอโทษประชาชนของนายแพทย์ นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยใช้หัวข้อข่าวว่า “ไทยจะเข้าร่วมโคแวกซ์ ยอมรับว่าจัดหาวัคซีนได้ไม่เพียงพอ”

เอพีระบุว่า นายแพทย์นครให้สัญญาว่าจะเข้าร่วมในโครงการโคแวกซ์ที่องค์การสหประชาชาติสนับสนุนอยู่ เพื่อให้ได้รับวัคซีนภายใต้โครงการดังกล่าวในปีหน้า

เอพีระบุว่า ไทยกำลังต่อสู้อยู่กับการแพร่ระบาดอย่างร้ายแรงและมีผู้ติดเชื้อใหม่กับเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นสถิติใหม่เกือบทุกวัน จนเกิดความกลัวกันว่าจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจะเลวร้ายลงไปอีกมากเพราะรัฐบาลล้มเหลวในการจัดหาวัคซีนในปริมาณเพียงพอก่อนหน้าที่เกิดสถานการณ์ดังกล่าวขึ้น

ในรายงานข่าวเอพีระบุว่า การแพร่ระบาดของเชื้อกลายพันธุ์เดลต้าทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้นในขณะที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พยายามจัดหาวัคซีนมาเพิ่มจากที่มีวัคซีนซิโนแวค และซิโนฟาร์ม จากจีนและ แอสตร้าเซนเนก้า ที่ผลิตในไทยเองอยู่ในมือแล้วเพียงเล็กน้อย

Advertisement

“นอกเหนือจากจะล้มเหลวในการจัดซื้อวัคซีนให้ได้เพียงพอ รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเพราะมีรายงานผลการศึกษาบางชิ้นแสดงให้เห็นว่า วัคซีนจากจีนมีประสิทธิภาพต่อต้านเชื้อเดลต้าได้น้อยกว่าวัคซีนที่ผลิตจากบริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นา”

เอพีรายงานว่า นายแพทย์นคร ขอโทษประชาชนที่ไม่สามารถจัดหาวัคซีนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ได้ในปริมาณที่เพียงพอ ถึงแม้จะพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว และชี้ว่าการกลายพันธุ์เป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดหมายได้ ทำให้การแพร่ระบาดเร็วขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ความพยายามในการจัดซื้อวัคซีนไม่ได้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน พร้อมทั้งเปิดเผยว่า ไทยกำลังดำเนินกระบวนการเพื่อเข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ และคาดว่าไทยจะได้รับวัคซีนจากโครงการนี้ได้ในไตรมาสแรกของปีหน้า

เอพีตั้งข้อสังเกตุว่า ไทยเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ โดยรัฐบาลอธิบายไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า เป็นเพราะไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ซึ่งจะไม่ได้รับวัคซีนฟรี หรือได้รับวัคซีนราคาถูก จากโครงการดังกล่าว แต่ต้องจ่ายเงินล่วงหน้าสูงมาก โดยไม่รู้ว่าจะได้รับวัคซีนประเภทใด หรือได้รับเมื่อใด ทำให้การจัดซื้อวัคซีนโดยตรงจากผู้ผลิตเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่าและยืดหยุ่นกว่า

Advertisement

“คำอธิบายดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเวลาต่อมา เมื่อรัฐบาลต้องนำเข้าวัคซีนซิโนแวคเป็นการเร่งด่วนในราคาสูง แม้จะมีข้อกังขาเรื่องประสิทธิภาพของวัคซีนขึ้นมาแล้วก็ตาม” เอพีระบุ โดยชี้ด้วยว่า ตามแผนรัฐบาลต้องการฉีดวัคซีนให้ได้ 100 ล้านเข็มในปีนี้และได้สำรองวัคซีน 105.5 ล้านโดสจากหลายบริษัท โดยส่วนใหญ่คือ 61 ล้านโดสมาจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ที่ผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซนซ์ แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดความเคลือบแคลงขึ้นมาว่าแผนดังกล่าวจะเป็นไปได้หรือไม่ เมื่อมีการเปิดเผยว่าบริษัทสยามไบโอไซนซ์ ไม่น่าจะจัดส่งวัคซีนได้ตามสัดส่วนดังกล่าวจนกว่าจะถึงเดือนพฤษภาคมปีหน้า

ทั้งนี้รายงานของสำนักข่าวเอพีชิ้นนี้ ถูกหยิบไปนำเสนอในหนังสือพิมพ์ในหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ของสหรัฐอเมริกาที่ตีพิมพ์ข่าวนี้ในเซกชัน เวิร์ลด์ อีกด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image