เร่งคุมโควิด! โฮจิมินห์ขยับใช้เคอร์ฟิว ห้ามออกนอกบ้าน 6 โมงเย็น ยัน 6 โมงเช้า

ทหารเวียดนามนำรถออกพ่นฉีดยาฆ่าเชื้อโรคตามท้องถนนต่างๆ ในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม (เอเอฟพี)

เร่งคุมโควิด! โฮจิมินห์ขยับใช้เคอร์ฟิว ห้ามออกนอกบ้าน 6 โมงเย็น ยัน 6 โมงเช้า

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ประชาชนกว่า 10 ล้านคน ในนครโฮจิมินห์ ศูนย์กลางเศรษฐกิจทางตอนใต้ของเวียดนาม จะตกอยู่ภายใต้ภาวะเคอร์ฟิว ที่ห้ามประชาชนออกนอกบ้าน มีผลในวันจันทร์(26 ก.ค.)นี้ หลังทางการท้องถิ่นขยับมาตรการจำกัดเข้มงวดมากขึ้นไปอีก เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะเชื้อกลายพันธุ์เดลต้าที่เป็นตัวโหมกระพือให้เวียดนามมีสถานการณ์แพร่ระบาดที่หนักขึ้น จากที่เวียดนามเคยประสบผลสำเร็จในการควบคุมการระบาดรอบแรกมาได้ในปีที่ผ่านมา

คำสั่งให้ประชาชนงดออกนอกบ้าน ที่ทางการเวียดนามเลี่ยงจะใช้คำเรียกว่า เคอร์ฟิว นั้น จะเริ่มมีผลในวันเดียวกันนี้ ตั้งแต่ เวลา 6 โมงเย็นถึง 6 โมงเช้า โดยไม่มีการระบุกรอบเวลาว่าจะบังคับใช้ถึงเมื่อใด

เอเอฟพี

“การบังคับใช้กฎหมายในท้องถิ่น จะต้องเพิ่มการลาดตระเวน และกำหนดบทลงโทษที่เหมาะสมสำหรับผู้กระทำผิด แม้กระทั่งการจับกุมในกรณีที่มีการต่อต้าน” นายเหวียน ถั่น ฟอง นายกเทศมนตรีนครโฮจิมินห์กล่าว

ทางการเวียดนามได้ใช้มาตรการจำกัดการเคลื่อนย้ายในนครโฮจิมินสห์มานานกว่า 2 เดือนแล้ว และเพิ่งทำการล็อกดาวน์เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยอนุญาตเพียงให้ประชาชนออกจากบ้านเพื่อซื้อหาอาหารและภาวะฉุกเฉินเร่งด่วนทางการแพทย์เท่านั้น ระบบขนส่งในเมืองทั้งหมดได้ถูกระงับอยู่แล้ว โดยนักเดินทางที่เดินทางมาจะต้องทำการกักตัวในศูนย์ที่กำหนดไว้อย่างน้อย 2 สัปดาห์

Advertisement
เอเอฟพี

ขณะนี้กว่า 1 ใน 3 ของประชากรเวียดนามที่มีราว 100 ล้านคน ตกอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ รวมถึงประชาชนในกรุงฮานอยที่ในวันเดียวกันนี้มีกำลังพลทหารตระเวนขับรถฉีดพ่นฆ่าเชื้อตามท้องถนนในกรุงฮานอย ที่เจ้าหน้าที่ในกองทัพเผยว่าจะมีการฉีดพ่นฆ่าเชื้อโรคตามพื้นที่ต่างๆ เป็นเวลา 3 วัน

โดยสถานการณ์ระบาดหนักของโรคโควิด-19 ในขณะนี้อยู่ที่กรุงฮานอย ทางตอนเหนือ และนครโฮจิมินห์ ทางตอนใต้ ที่เป็นผลให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อรวมแล้วกว่า 62,000 รายนับจากเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งดันยอดผู้ติดเชื้อสะสมของเวียดนามในขณะนี้เพิ่มขึ้นเป็น 101,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 524 ราย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image