จากรายงานของเอเอฟพี นับตั้งแต่การขับไล่คณะทหารซึ่งปกครองด้วยลัทธิมาร์กซิสต์ในปี 1991 การเมืองและเศรษฐกิจของเอธิโอเปีย กลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอธิโอเปียมีอัตราเกิน 10 เปอร์เซนต์เกือบทุกปี แม้รัฐบาลจะยังคงถูกวิจารณ์ถึงปัญหาการกดขี่คู่แข่งทางการเมืองจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนอยู่ตลอดก็ตาม
การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วของเอธิโอเปียเป็นผลมาจากความคึกคักของกิจการก่อสร้าง, อุตสาหกรรมโรงงานการค้าและเกษตรกรรม ทำให้หลายพื้นที่ที่เคยเป็นเพียงทุ่งโล่งว่างเปล่ากลายเป็นโครงการหมู่บ้านจัดสรรหรูหราต่างจากภาพที่หลายคนเคยรู้จักในอดีตในฐานะประเทศที่ประสบภาวะอดอยาก และแห้งแล้ง
สำหรับชาวเอธิโอเปียประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับสองของแอฟริกา ซึ่งกำลังเพลิดเพลินกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในวันนี้อสังหาริมทรัพย์ที่พวกเขาครอบครองยังเป็นสัญลักษณ์ที่มากไปกว่าการเป็นเพียงที่พักอาศัย
“เราขายไลฟ์สไตล์มากกว่าที่จะขายเพียงบ้านพัก” เฮล เมเซล วิศวกรโยธาเจ้าของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Country Club Developers กล่าว
“เราไม่ได้ทำโฆษณาอะไรเลย เราอยากให้ผู้พักอาศัยเป็นผู้กระจายข่าว ซึ่งวิธีการนี้ยังเป็นการเลือกเพื่อนบ้านของพวกเขาเองไปในตัวด้วย” เมเซลกล่าวเสริม
งานวิจัยของ New World Wealth ที่ปรึกษาวิจัยด้านการตลาดในแอฟริกาใต้ระบุว่า ขณะนี้มีเศรษฐีในเอธิโอเปียราว 2,700 คน เพิ่มขึ้นกว่า 108 เปอร์เซนต์ จากสถิติระหว่างปี 2007-2013 นับเป็นการเติบโตที่เร็วที่สุดในทวีปแอฟริกา
อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจเอธิโอเปียยังคงพึ่งพาอุตสาหกรรมการเกษตรเป็นหลัก โดยเฉพาะกาแฟ ซึ่งเป็นกิจการที่ใช้แรงงานเกือบทั้งหมดของประเทศ ประกอบกับการขาดแรงงานมีฝีมือ กิจการบางประเภท รวมถึงธุรกิจก่อสร้างจึงจำเป็นต้องพึ่งพาแรงงานจากต่างชาติ โดย เฮล เมเซล กล่าวว่า บริษัทของเขาต้องนำเข้าแรงงานผู้มีความชำนาญพิเศษจากจีนมากถึง 1,000 คน
ขณะเดียวกัน โยเซฟ เมบราตู ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ May Real Estate Development บริษัทก่อสร้างอีกรายยังบ่นว่า เอธิโอเปีย ยังต้องพึ่งพาวัสดุก่อสร้างจากต่างประเทศมากถึง 70 เปอร์เซนต์ ก่อให้เกิดภาระทางภาษีที่สูง และเป็นอุปสรรคสำคัญของธุรกิจก่อสร้าง เช่นเดียวกับอัตราเงินเฟ้อ ที่เคยขึ้นสูงถึง 64.2 เปอร์เซนต์เมื่อปี 2008 ก่อนลดปรับลดลงมาคงที่ที่อัตราราว 13 เปอร์เซนต์