ที่มา | มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | มนต์ทิพย์ ธานะสุข |
เผยแพร่ |
คอลัมน์ไฮไลต์โลก: ชัยชนะทาลิบัน = ฝันร้ายผู้หญิง-เด็กอัฟกัน
การเคลื่อนทัพเข้ายึดกรุงคาบูล ที่มั่นยุทธศาสตร์สุดท้ายของรัฐบาลอัฟกานิสถานได้สำเร็จ เป็นชัยชนะยิ่งใหญ่ของกลุ่มทาลิบันที่รอคอยมา 20 ปีเต็ม แต่กำลังจะเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความฝันร้ายของผู้หญิงและเด็กผู้หญิงอัฟกันอีกครั้ง(หรือไม่) โลกต้องจับตา
ไอชา คูร์รัม อดีตตัวแทนเยาวชนอัฟกันในสหประชาชาติ วัย 22 ที่เหลือเพียงไม่กี่เดือนก็จะจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยคาบูล บอกว่า มันเป็นวันโลกาวินาศสำหรับประเทศของเธอที่เห็นทุกอย่างพังทลายลงในชั่วพริบตา เป็นฝันร้ายของผู้หญิงที่มีการศึกษาซึ่งเห็นอนาคตสดใสของตนเองและคนรุ่นต่อๆไปอยู่ข้างหน้า แต่ทั้งหมดมลายหายไปสิ้น
ภาพจำในอดีตย้อนกลับมาเมื่อครั้งอัฟกานิสถานตกอยู่ใต้อำนาจปกครองของทาลิบันเมื่อกว่า 20 ปีก่อน กฎหมายศาสนาอิสลาม(ชารีอะห์)ถูกนำมาใช้ในการปกครองอย่างกดขี่ ที่ผู้หญิงและเด็กผู้หญิงชาวอัฟกันถูกย่ำยีสิทธิเสรีภาพ ถูกห้ามเรียนหนังสือ ห้ามประกอบอาชีพ ห้ามดูทีวี-ฟังเพลง ถูกบังคับให้ใส่ชุดคลุมปิดบังใบหน้า ห้ามออกนอกบ้านเพียงลำพังหากไร้ผู้ปกครองชายไปด้วย การเฆี่ยนตีประจาน ประหารชีวิต และการปาก้อนหินใส่ฐานมีชู้ เป็นบทลงโทษผู้กระทำผิดที่กลุ่มทาลิบันกระทำต่อหน้าสาธารณชน
ตอนนี้ผู้หญิงชาวอัฟกันต่างสิ้นหวังและหวาดกลัวว่าพวกเธอต้องกลับไปเผชิญกับการปกครองที่กดขี่ทารุณของกลุ่มทาลิบันเหมือนก่อน จากที่ 20 ปีมานี้คุณภาพชีวิตของผู้หญิงอัฟกันถือว่ามีความก้าวหน้าขึ้น โดยมีโอกาสทางการศึกษาได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยและเข้าสู่ตลาดแรงงานในตำแหน่งที่มีความก้าวหน้าทั้งในวงการสื่อ การเมือง ศาลยุติธรรม และแม้แต่กองกำลังรักษาความมั่นคง
ฟอว์เซีย คูฟี นักเคลื่อนไหวและอดีตรองประธานรัฐสภาอัฟกานิสถาน บอกว่า “ประวัติศาสตร์เดินซ้ำรอยเร็วเกินไป”
ขณะที่นักศึกษาหญิงวัย 24 ปีอีกรายในคาบูล เผยความรู้สึกถึงการฟื้นคืนชีพของทาลิบันที่เท่ากับเป็นการดับฝันของผู้หญิงอัฟกันว่า เธอรู้สึกว่าจะไม่สามารถหัวเราะ ฟังเพลงที่ชอบ ไปนั่งคุยกับเพื่อนตามคาเฟ่ ใส่ชุดเดรสสีเหลืองหรือทาลิปสติกสีชมพูได้อีกต่อไป และอาจไม่สามารถไปทำงานหรือเรียนจนจบมหาวิทยาลัยได้
สำหรับซาห์รา คารีมี นักสร้างหนังชื่อดังในอัฟกานิสถาน บอกว่าเธอไม่มีแผนจะทิ้งประเทศ หลังจากเห็นคนอัฟกันแห่อพยพหนีหลังคาบูลแตก
“ฉันจะไม่ทิ้งประเทศจนวาระสุดท้าย หลายคนอาจคิดว่าโง่ แต่ฉันว่าความโง่ คือสิ่งที่โลกแสดงให้เห็นด้วยการหันหลังให้กับเรา!” คารีมีบอกด้วยเสียงหนักแน่น