สหรัฐแจงข่าวปลอม ยืนยันสถาบัน AFRIMS ปลอดภัยมุ่งวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อสุขภาพ ปชช.

สหรัฐ ยืนยันสถาบัน AFRIMS ปลอดภัยมุ่งวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อสุขภาพ ปชช.

สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย เผยแพร่แถลงการณ์ชี้แจงกรณีมีกระแสข่าวแชร์กันในโลกออนไลน์ระบุว่ามี ห้องทดลองเชื้อโรคที่ใหญ่ที่สุดในโลกของกองทัพสหรัฐ อยู่ที่กรุงเทพฯ โดยเชื่อมโยงถึง สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร (สวพท.) หรือ AFRIMS หน่วยงานในสังกัดกรมแพทย์ทหารบก จากความร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหมของไทย และกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่าข่าวดังกล่าวเป็นข้อมูลเท็จและบิดเบือน

โดยข้อความระบุว่า

เพื่อเป็นการแก้ไขข้อมูลเท็จและบิดเบือนเกี่ยวกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร (AFRIMS) และเน้นย้ำถึงความสำเร็จในการทำงานของสถาบันเพื่อเอาชนะโรคประจำถิ่นในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สถานทูตสหรัฐฯ ขอส่งคำแถลงข่าวโดย พันโท แบรนดอน แมคคาร์เตอร์ รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร (ฝ่ายสหรัฐฯ) จากการแถลงข่าวที่กรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา ดังนี้

Advertisement

คำแถลงข่าวโดย พันโท แบรนดอน แมคคาร์เตอร์
รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร (ฝ่ายสหรัฐฯ)

กว่า 60 ปีที่ผ่านมา กองทัพบกสหรัฐอเมริกาและกองทัพบกไทย ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร หรือ AFRIMS ในการต่อสู้กับโรคเขตร้อนต่าง ๆ

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มีการเผยแพร่เอกสารเท็จและบิดเบือนข้อมูลเพื่อทำลายชื่อเสียงของสถาบัน และกล่าวหานักวิทยาศาสตร์ชาวไทยและสหรัฐฯ หลายร้อยคนที่ปฏิบัติงานอย่างมืออาชีพและอุทิศตนในสถาบันแห่งนี้ จึงขอเรียนชี้แจงดังนี้

Advertisement

AFRIMS เป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ที่มีประสิทธิผลและมีความสำคัญอย่างยิ่งระหว่างสหรัฐฯ และราชอาณาจักรไทย การดำเนินงานที่นี่ได้ช่วยชีวิตหลายร้อยล้านชีวิต ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก การทำงานร่วมกันแบบทวิภาคีใน AFRIMS ไม่เพียงแต่ยกระดับเป้าหมายด้านสุขภาพของไทยและสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังช่วยผลักดันเป้าหมายดังกล่าวในทั่วโลกด้วย ความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขในภูมิภาค และสำคัญที่สุดคือ อาคารสถานที่ตั้งห้องปฏิบัติการของเรามีมาตรฐานความปลอดภัยสูง

การวิจัยที่ AFRIMS ล้วนมุ่งเน้นการต่อสู้กับโรคประจำถิ่นในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ มาลาเรีย ไข้เลือดออก ชิคุนกุนยา ไข้ซิกา ไข้สมองอักเสบเจอี และเชื้อเอชไอวี

ความร่วมมือในงานวิจัยร่วมกันช่วยให้เราได้พัฒนาวัคซีนที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง รวมถึงการวินิจฉัยและการรักษาทางการแพทย์ ซึ่งได้รักษาชีวิตของคนหลายล้านคนทั่วโลก และเราจะยังคงดำเนินภารกิจดังกล่าวต่อไป ตัวอย่างเช่น เรากำลังสนับสนุนการพัฒนาวัคซีน mRNA ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งผลของการศึกษาเบื้องต้นแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มว่ามีความปลอดภัยและมีประสิทธิผลต่อการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ภายในประเทศต่อไป ความร่วมมือครั้งนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯ มุ่งมั่นที่จะยืนหยัดเคียงข้างประเทศไทยจนกว่าจะเอาชนะโรคระบาดใหญ่นี้ได้

ตลอดระยะเวลาการดำเนินการของเรา AFRIMS เป็นศูนย์ความร่วมมือหลักขององค์การอนามัยโลก และภายใต้กลไกดังกล่าว กองทัพบกไทยและกองทัพบกสหรัฐฯ ได้ตอบโต้การระบาดของโรคต่าง ๆ ทั่วภูมิภาคอาเซียน การสนับสนุนของ AFRIMS ช่วยสร้างความมั่นใจว่าราชอาณาจักรไทยจะยังคงเป็นผู้นำในด้านสาธารณสุขและการแพทย์ในภูมิภาคอาเซียน

ทุกสิ่งที่ทางสถาบันได้ดำเนินการนั้นอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายไทยและสหรัฐฯ เพื่อรักษามาตรฐานสูงสุดของห้องปฏิบัติการ ซึ่งทำให้ AFRIMS เป็นหนึ่งในห้องปฏิบัติการที่มีความปลอดภัยสูงที่สุดในโลก สถาบันมีหน่วยงานดูแลห้องปฏิบัติการที่ทำงานอย่างแข็งขันเพื่อให้มั่นใจได้ว่า ห้องปฏิบัติการ สิ่งส่งตรวจ พนักงาน และสาธารณชน มีความปลอดภัยและได้รับการรักษาความปลอดภัยตลอดเวลา

ทั้งนี้เราตระหนักดีถึงบทบาทที่สำคัญของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ซึ่งปลอดภัยและเคร่งครัด ดังที่นักวิทยาศาสตร์ชาวไทยและอเมริกันร่วมมือกันที่ AFRIMS ในการช่วยให้เราทุกคนปลอดภัย

คลิกอ่าน ทบ.จับมือ ‘กองทัพสหรัฐฯ’ ภายใต้สถาบัน AFRIMS ระดมวิจัยยับยั้งการแพร่ระบาดโควิด -19

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image