LA ป่วยเพิ่ม 25% เดลต้าทำประสิทธิภาพ mRNA ลดจาก 91% เหลือ 66%
ตัวเลขผู้ติดโควิด-19 ในกลุ่มผู้ได้รับวัคซีนต้านโควิดครบโดสแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคมในลอสแอนเจลิสเพิ่มขึ้นถึง 25% ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสกลายพันธุ์เดลต้า
ข้อมูลที่ตีพิมพ์ในรายงานประจำสัปดาห์เกี่ยวกับการเสียชีวิตและโรคของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (ซีดีซี) แสดงให้เห็นว่ามีการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนในกลุ่มบุคคลที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้ว
ทั้งนี้ซีดีซีศึกษาข้อมูลจากกลุ่มประชากรตัวอย่าง อาทิ การศึกษาในนครลอสแอนเจลีส เพื่อประกอบการพิจารณาว่าชาวอเมริกันจำเป็นต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 โดส 3 เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันหรือไม่ หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ก่อน นักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลได้เริ่มวางแผนสำหรับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งมีกำหนดจะเริ่มขึ้นในวันที่ 20 กันยายน โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาจากซีดีซี
ข้อมูลใหม่ที่ถูกเผยแพร่พบการติดเชื้อมากกว่า 43,000 รายในหมู่ชาวลอสแองเจลีสที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ในจำนวนนี้ 10,895 คนหรือ 25.3% เป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนครบสมบูรณ์ และ 1,431 คน หรือ 3.3% เป็นผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วแต่ยังไม่ครบโดส และ 30,801 คน หรือ 71.4% เป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน
สิ่งที่ปรากฎชัดคือวัคซีนสามารถป้องกันไม่ให้เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรง โดยผลการศึกษาพบว่า ของผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสที่ติดไวรัสมี 3.2% ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และมีเพียง 0.05% ที่ต้องเข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยหนัก และราว 0.25% ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
ขณะที่ผู้ป่วยที่ไม่ได้รับวัคซีน 7.5% ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล อีก 1.5% ต้องเข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยหนัก และ 0.5% ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
ซีดีซียังได้เผยแพร่ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับผลการศึกษาในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประสิทธิผลของวัคซีนลดลงอย่างมากในบุคลากรแนวหน้าที่ได้รับวัคซีนใน 8 รัฐที่ติดเชื้อโควิด โดยประสิทธิภาพของวัคซีนลดลงเหลือ 66% เมื่อเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสกลายพันธุ์เดลต้า จาก 91% ก่อนหน้านี้
