สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า ขบวนรถที่ขนส่งความช่วยเหลือให้แก่ชาวซีเรียของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และกลุ่มเสี้ยววงเดือนแดงอาหรับซีเรีย ในจังหวัดอเลปโป ของซีเรีย ถูกโจมตีจากทางอากาศ เมื่อวันที่ 19 กันยายน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 ราย โดยเหตุโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากกองทัพซีเรียประกาศยุติการหยุดยิงที่มีมานาน 1 สัปดาห์
ข่าวระบุว่า มีรถบรรทุกสิ่งของช่วยเหลือในขบวนดังกล่าวถูกทำลายอย่างน้อย 18 คัน ในขณะที่ขบวนรถสิ่งของช่วยเหลือกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองโอรัม อัล-คูบรา ในจังหวัดอเลปโป ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยาก โดยกลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนซีเรีย เปิดเผยว่า มีอาสาสมัครของกลุ่มเสี้ยววงเดือนแดง และคนขับรถเสียชีวิตราว 12 ราย แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่า เครื่องบินที่ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศดังกล่าวเป็นเครื่องบินของซีเรียหรือรัสเซีย
ทั้งนี้ ยูเอ็น และกลุ่มเสี้ยววงเดือนแดงอาหรับซีเรีย ได้อาศัยช่วงเวลาของการหยุดยิงในซีเรียที่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา เพื่อส่งความช่วยเหลือเข้าไปยังพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึง แต่การหยุดยิงดังกล่าวก็สิ้นสุดลงเมื่อช่วงคืนวันที่ 19 กันยายน หลังจากมีการทิ้งระเบิดถล่มในจังหวัดอเลปโปและจังหวัดรอบๆ
ขณะที่นายสตัฟฟัน เดอ มิสทูรา ทูตยูเอ็นประจำซีเรีย เปิดเผยว่า ยูเอ็นรู้สึกตกใจกับการโจมตีที่ไร้ศีลธรรมดังกล่าว และว่า ขบวนรถช่วยเหลือดังกล่าวต้องผ่านกระบวนการต่างๆ มายาวนาน เพื่อเตรียมการเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ถูกโดดเดี่ยว
เดอะการ์เดียนรายงานว่า สหรัฐอเมริกา ออกมาโทษว่ารัสเซียเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุถล่มขบวนรถดังกล่าว ไม่ว่าเครื่องบินที่ทิ้งระเบิดจะเป็นเครื่องบินของรัสเซียหรือไม่ก็ตาม โดยนายจอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ แถลงว่า จุดหมายปลายทางของขบวนรถดังกล่าวทั้งรัฐบาลซีเรียและรัสเซียต่างรู้ดีว่าไปที่ใด และคนที่ถูกสังหารครั้งนี้เป็นคนที่พยายามเข้าไปช่วยเหลือชาวซีเรียที่ได้รับความเดือดร้อน โดยสหรัฐอเมริกาจะนำประเด็นเรื่องดังกล่าวแจ้งต่อรัสเซียโดยตรง ชี้ให้เห็นถึงการละเมิดต่อข้อตกลงการหยุดยิง และจะนำไปประเมินความร่วมมือกับรัสเซียในอนาคต
ด้านเจ้าหน้าที่อาวุโสรายหนึ่งของสหรัฐ เปิดเผยว่า แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของรัสเซียหรือรัฐบาลซีเรีย แต่รัสเซียจะต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
