ชี้ไฟป่าใน 3 ภูมิภาค ต้นตอปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศโลกพุ่งเป็นประวัติการณ์
หน่วยบริการสังเกตการณ์ชั้นบรรยากาศโคเปอร์นิคัส (CAMS) ของยุโรป รายงานเมื่อวันที่ 21 กันยายนว่า เหตุไฟป่าที่เกิดขึ้นในไซบีเรีย อเมริกาเหนือ และรอบเมดิเตอร์เรเนียน เป็นต้นตอสำคัญที่ทำให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศโลกมากเป็นประวัติการณ์ในช่วงฤดูร้อนปีนี้
เฉพาะในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมที่ผ่านมา เหตุไฟป่าทั่วโลกได้ทำให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศมากกว่า 2,500 ล้านตัน หรือเท่ากับปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่อินเดียปล่อยออกมาตลอดทั้งปี ในจำนวนนี้กว่าครึ่งเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มาจากเหตุไฟป่าในภูมิภาคอเมริกาเหนือและไซบีเรียในช่วงเดือนกรกฎาคม
แม้กระทั่งบริเวณอาร์กติกเซอร์เคิล ยังเกิดไฟป่าที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาราว 66 ล้านตันจากเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม และอีกเกือบพันล้านตันถูกปล่อยมาจากรัสเซียในช่วงเวลาเดียวกัน
คลื่นร้อน ความแห้งแล้ง และ ความชื้นดินที่ลดลง ยังเป็นผลจากภาวะโลกร้อนที่มาจากเหตุไฟป่าที่เกิดเพิ่มขึ้นมากอย่างไม่เคยมีมาก่อนใน 3 ทวีปนี้
มาร์ค แพร์ริงตัน นักวิทยาศาสตร์อาวุโสและผู้เชี่ยวชาญด้านไฟป่าของ CAMS ชี้ว่า สิ่งผิดปกติที่เด่นชัดคือ จำนวนการเกิดไฟป่า ขนาดพื้นที่ที่ถูกเผาผลาญ ความรุนแรงและการคงอยู่ต่อเนื่อง
รายงานของ CAMS ระบุ ไฟป่าได้เริ่มลุกไหม้เผาผลาญทั่วพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงของไซบีเรียในเดือนมิถุนายน แต่เพิ่งเริ่มลดเบาบางลงช่วงปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายนเท่านั้น การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภูมิภาคนี้จากเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมยังเพิ่มขึ้นเป็นเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน
ในพื้นที่ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกาและในบริติชโคลัมเบียของแคนาดา ที่เห็นอุณหภูมิพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ที่เกือบ 50 องศาเซลเซียสนั้น ได้เกิดไฟป่าเผาผลาญเป็นวงกว้าง
ขณะเดียวกันกลุ่มควันไฟจากไซบีเรียและอเมริกาเหนือ ยังเคลื่อนตัวข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกมาปกคลุมถึงอังกฤษและพื้นที่ส่วนหนึ่งของยุโรปในช่วงเดือนสิงหาคม และหลายชาติในแถบริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนยังเห็นเหตุไฟป่าที่ควบคุมไม่ได้ในประเทศตัวเอง ที่ยังทำให้ต้องเผชิญภาวะคลื่นร้อนเลวร้ายต่อเนื่องอีกด้วย
