เฟซบุ๊กแจงเหตุล่มทั่วโลก6ชม.
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เฟซบุ๊กอิงค์. แถลงผ่านบล็อกโพสต์เมื่อตอนดึกของวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ระบุว่า ความผิดพลาดในการเปลี่ยนแปลงคอนฟิเกอเรชั่นของระบบ เป็นสาเหตุที่ทำให้เฟซบุ๊กและแอพพ์ในเครือทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น วอทส์แอพพ์, อินสตาแกรมและเมสเซนเจอร์ก็ล่มไปทั่วโลกเป็นเวลานาน ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กราว 3,500 ล้านราย ไม่สามารถเข้าใช้งานได้นานถึง 6 ชั่วโมง ตั้งแต่ราว 23.00 น.ของคืนวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ไปจนถึง 05.45 น. เช้าวันที่ 5 ตุลาคม ตามเวลาไทย
นายไมค์ ชโรปเฟอร์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคนิค (ซีทีโอ) ของเฟซบุ๊ก ประกาศขออภัยต่อผู้ใช้ทั้งที่เป็นบุคคลและบริษัทน้อยใหญ่อย่างเป็นทางการ พร้อมกันนั้นก็ย้ำด้วยว่า การให้บริการของเฟซบุ๊กและแอพพ์ในเครือทั้งหมดจะยังไม่เต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ไปอีกระยะหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ถ้อยแถลงดังกล่าวไม่ได้ระบุชัดว่า ใครเป็นผู้แก้ไขปรับเปลี่ยนคอนฟิเกอเรชั่นดังกล่าว และไม่ได้เปิดเผยด้วยว่า การแก้ไขปรับเปลี่ยนจนเกิดความผิดพลาดขึ้นนั้น เป็นการแก้ไขปรับเปลี่ยนคอนฟิกฯตามแผนที่วางไว้หรือไม่ ทั้งๆ ที่เหตุล่ม ใช้งานไม่ได้ครั้งนี้ร้ายแรงที่สุดเท่าที่เฟซบุ๊กเคยประสบมา เพราะครอบคลุมไปทั่วโลกและกินเวลานานมาก
ทั้งนี้พนักงานของเฟซบุ๊กหลายรายให้ความเห็นตรงกันว่า สาเหตุของปัญหาเกิดจากความผิดพลาดภายในระบบที่เป็นตัวกำหนดเส้นทางเข้าออกของข้อมูล แต่การที่เครื่องมือสื่อสารภายในองค์กรของเฟซบุ๊กเอง ซึ่งใช้เครือข่ายเดียวกันอยู่เกิดล่มตามไปด้วยทำให้ปัญหาซับซ้อนมากขึ้น
ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยระบุตรงกันว่า สาเหตุการล่มครั้งนี้เกิดขึ้นภายในระบบแน่นอน แต่เป็นไปได้ว่าอาจเป็นความผิดพลาดโดยอุบัติเหตุ หรือเป็นการเจตนาวินาศกรรมระบบจากภายในก็ได้
ดาวน์ดีเทคเตอร์ กลุ่มติดตามการใช้งานเว็บไซต์ ระบุว่า การล่มของเฟซบุ๊กครั้งนี้ ใหญ่โตและร้ายแรงที่สุด และเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบในทางลบต่อบริษัทเป็นครั้งที่ 2 ต่อจากการออกมาเปิดตัวของ ฟรานเซส ฮอเกน อดีตผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของเฟซบุ๊กผ่านรายการ “ซิกซ์ตีมินิทส์” เป็นผู้นำข้อมูลต่างๆ ออกมาเปิดเผยจนทำให้เฟซบุ๊กถูกสอบข้อเท็จจริงจากวุฒิสภาสหรัฐอยู่ในเวลานี้ และย้ำว่าบริษัทยึดถือกำไรเป็นสำคัญยิ่งกว่าความถูกต้องของข้อมูลที่เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก
สแตนดาร์ด มีเดีย อินเด็กซ์ บริษัทวิจัยการตลาด ระบุว่า เฟซบุ๊กเป็นสื่อโฆษณาออนไลน์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากกูเกิล การล่มครั้งนี้ส่งผลให้เกิดความเสียหายคิดเป็นมูลค่าราว 545,000 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง ทำให้สูญเสียรายได้ไปอย่างน้อย 3,270,000 ดอลลาร์ในช่วงเวลาดังกล่าว ในขณะเดียวกันราคาหุ้นของเฟซบุ๊กร่วงลงหนักถึง 4.9 เปอร์เซ็นต์ กลายเป็นการร่วงลงมากที่สุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วเป็นต้นมา กระทบให้มีการเทขายหุ้นเทคโนโลยีโดยรวมตามมาอีกด้วย มูลค่าหุ้นที่ลดลงดังกล่าวส่งผลให้ มูลค่าทรัพย์สินของ มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กหายไปอย่างน้อย 6,000 ล้านดอลลาร์อีกด้วย
