ผู้นำจีนลั่น รวมไต้หวันโดยสันติ ชี้ทำได้ เป็นประโยชน์โดยรวม
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน กล่าวให้คำมั่นว่าการรวมชาติกับไต้หวันโดยสันติวิธีจะเกิดขึ้นและสามารถทำได้ ซึ่งมีขึ้นหลังจากบรรยากาศระหว่างจีนกับไต้หวัน ที่จีนถือเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตนเอง ทวีความตึงเครียดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ จากการที่จีนส่งเครื่องบินรบนับร้อยลำรุกล้ำเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (Air Defense Identification Zone–ADIZ) ของไต้หวัน จนสร้างความห่วงกังวลให้กับนานาชาติถึงการเผชิญหน้ากันในภูมิภาคนี้
โดยในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสครบรอบ 110 ปี การปฏิวัติจีน หรือรู้จักในชื่อ การปฏิวัติซินไฮ่ ที่เป็นการโค่นล้มราชวงศ์ชิงและนำไปสู่การสถาปนาสาธารณรัฐจีนเมื่อปี ค.ศ.1911 ที่มหาศาลาประชาชน ในกรุงปักกิ่ง ในวันเดียวกันนี้ ประธานาธิบดีสีกล่าวว่า การแบ่งแยกดินแดนเป็นอิสระของไต้หวัน ถือเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดต่อการรวบรวมชาติของแผ่นดินแม่ และถือเป็นอันตรายร้ายแรงที่แฝงมา และว่า การรวมชาติอย่างสมบูรณ์จะต้องเกิดขึ้นและสามารถทำให้เป็นจริงได้ พร้อมกับชี้ว่าการรวมชาติโดยสันติ เป็นผลประโยชน์โดยรวมของชนชาติจีน รวมถึงพี่น้องในไต้หวัน
ประธานาธิบดีสียังกล่าวเตือนถึงการแทรกแซงของต่างชาติในเรื่องไต้หวัน ซึ่งเป็นท่าทีที่มีขึ้นหลังจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาออกมายืนยันว่ากองกำลังปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐได้ทำการซ้อมรบให้กองกำลังไต้หวันอย่างเงียบๆ มาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว
“ประเด็นไต้หวัน ถือเป็นกิจการภายในของจีนอย่างสิ้นเชิง และจะไม่ยอมให้มีการแทรกแซงใดๆ จากภายนอก” นายสีกล่าว
ทั้งนี้ จีนได้เพิ่มแรงกดดันไต้หวันหนักมากขึ้นนับจากประธานาธิบดีไช่ อิง เหวิน ของไต้หวัน ได้รับเลือกตั้งขึ้นสู่อำนาจในปี 2016 ที่นางไช่มองว่าไต้หวันเป็นดินแดนอิสระจากจีนอยู่แล้ว ขณะที่เมื่อวันพุธ (6 ต.ค.) ที่ผ่านมา รัฐมนตรีกลาโหมของไต้หวัน ออกมากล่าวว่า ความตึงเครียดทางทหารระหว่างไต้หวันกับจีนพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 40 ปี หลังจากเครื่องบินรบของกองทัพจีนราว 150 ลำ ได้รุกล้ำเขต ADIZ ของไต้หวันเข้ามามากเป็นประวัติการณ์ภายในไม่กี่วันที่ผ่านมานี้
