‘ยูเอ็นเอสซี’เรียกประชุมฉุกเฉิน รุมจวกรัสเซียถล่มพลเรือนในอเลปโป

AFP PHOTO / Bryan R. Smith

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า อังกฤษ ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา กล่าวโจมตีรัสเซียอย่างรุนแรงเมื่อวันที่ 25 กันยายน ในเรื่องการสังหารหมู่อย่างโหดเหี้ยมมากขึ้นในซีเรีย จากการที่เครื่องบินรบของรัฐบาลซีเรียและรัสเซียทิ้งระเบิดเมืองอเลปโปอย่างหนักหน่วงที่สุดนับตั้งแต่สงครามความขัดแย้งดำเนินมาเป็นเวลา 5 ปี

นางซาแมนธา พาวเวอร์ ทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวหารัสเซียว่า “ป่าเถื่อน” ในระหว่างการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อเรียกร้องให้รัสเซียควบคุมประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ของซีเรีย ซึ่งเป็นพันธมิตรของรัสเซียและให้หยุดยั้งการโจมตีทางอากาศอย่างเข้มข้นรุนแรงใส่กลุ่มกบฏในเมืองอเลปโป

“แทนที่จะพยายามสร้างสันติ แต่รัสเซียกับอัสซาดกลับทำสงคราม” นางพาวเวอร์กล่าว “สิ่งที่รัสเซียสนับสนุนและทำอยู่ไม่ใช่การต่อต้านการก่อการร้าย แต่เป็นความป่าเถื่อน”
องค์การสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรียเปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 124 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนที่อาศัยอยู่ในที่มั่นทางตะวันออกของเมืองอเลปโปซึ่งถูกทิ้งระเบิดถล่มอย่างหนักนับตั้งแต่กองทัพซีเรียประกาศว่าจะปฏิบัติการยึดเมืองดังกล่าวคืน เมื่อวันที่ 22 กันยายน

ด้านนายฟรองซัวส์ เดอลาตเตรอ ทูตฝรั่งเศสประจำยูเอ็นกล่าวว่า มีการก่ออาชญากรรมสงครามขึ้นที่อเลปโป และเรียกร้องให้มีมาตรการเพื่อรับประกันให้แน่ใจว่า ผู้ก่อความโหดร้ายนี้จะไม่สามารถลอยนวลไปได้โดยที่ไม่ถูกลงโทษ ขณะที่นายแมทธิว ไรครอฟต์ ทูตอังกฤษประจำยูเอ็นกล่าวว่า อเลปโปเป็น “นรกแห่งใหม่” ที่ชาวซีเรียต้องเผชิญทั้งระเบิดและอาวุธที่ทรงพลานุภาพจากการโจมตีทางอากาศใส่พื้นที่อยู่อาศัยของพลเรือน

Advertisement

“เป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธเรื่องที่รัสเซียร่วมมือกับรัฐบาลซีเรียในการก่ออาชญากรรมสงคราม” นายไรครอฟต์กล่าว

ทั้งนี้ อังกฤษ ฝรั่งเศสและสหรัฐ ได้เรียกร้องให้ยูเอ็นเอสซีจัดการประชุมฉุกเฉินขึ้น หลังจากความพยายามทางการทูตอย่างเข้มข้นเพื่อให้เกิดข้อตกลงหยุดยิงระหว่างสหรัฐกับรัสเซียล้มเหลวเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

นายบัน คี มุน เลขาธิการยูเอ็นเตือนว่า การยกระดับความรุนแรงด้วยการใช้อาวุธที่มีพลานุภาพสูงกับพลเรือนอาจเป็นความผิดข้อหาก่ออาชญากรรมสงคราม และเรียกร้องให้ชาติมหาอำนาจทำงานหนักมากกว่านี้เพื่อยุติฝันร้ายในซีเรียที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 300,000 รายและมีผู้ที่ต้องอพยพหนีภัยสงครามหลายล้านคน

Advertisement

ด้านนายวิตาลี ชูร์กิน ทูตรัสเซียประจำยูเอ็นยอมรับว่า ความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้นในรอบไม่กี่วันที่ผ่านมาหมายความว่า การสร้างสันติภาพในตอนนี้แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
อย่างไรก็ตามนายชูร์กินโทษว่าความล้มเหลวทางการทูตมีสาเหตุมาจากฝั่งสหรัฐ โดยกล่าวหาว่าสหรัฐไม่สามารถโน้มน้าวให้กลุ่มติดอาวุธของฝ่ายต่อต้านที่ตนให้การสนับสนุนตัดขาดจากกลุ่มนุสราฟรอนท์ที่เป็นเครือข่ายของอัลเคด้าได้ ซึ่งไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของการหยุดยิง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image