หุ้นเอเวอร์แกรนด์รูดหลังดีล2.6พันล้านล่ม
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม กลุ่มบริษัทไชนา เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่กลายเป็นบริษัทที่มีหนี้สินมากที่สุดในโลกกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมาระบุว่า ความพยายามเพื่อการขายหุ้น 50.1 เปอร์เซ็นต์ของบริษัท เอเวอร์แกรนด์ พร็อพเพอร์ตี เซอร์วิส กิจการอสังหาฯในเครือให้กับ ฮอปสัน เดเวล็อปเมนท์ โฮลดิ้ง ไม่เป็นผลและทั้งสองฝ่ายตกลงเลิกล้มการซื้อขายดังกล่าวแล้ว จึงแจ้งต่อตลาดเพื่อเปิดการซื้อขายหุ้นตามปกติต่อไป โดยให้เหตุผลว่า ข้อเสนอของ ฮอปสันฯ ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
แหล่งข่าวเปิดเผยว่าดีลดังกล่าวไม่บรรลุผลหลังจากไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลการปรับโครงสร้างของกลุ่มบริษัทเอเวอร์แกรนด์ นอกจากนั้นยังมีนักลงทุนต่างชาติที่เป็นเจ้าหนี้คัดค้านเนื่องจากไม่มีโอกาสได้ผลประโยชน์จากการขายก่อนหน้าการล้มละลายเช่นนี้
ราคาหุ้นของเอเวอร์แกรนด์ซึ่งเริ่มเปิดให้ซื้อขายกันใหม่ร่วงลงทันทีถึง 12 เปอร์เซ็นต์เมื่อวันที่ 21 ตุลาคมนี้หลังข่าวดีลล่มสะพัดออกไป
ในหนังสือแจ้งตลาดฯแยกอีกฉบับ เอเวอร์แกรนด์ ยอมรับว่า สามารถระดมเงินจากการขายทรัพย์สินให้กับธนาคารเซี่ยงไฮ้แบงก์ได้เพียง 1,500 ล้านดอลลาร์เท่านั้น ส่วนความพยายามอื่นๆ ไม่มีความรุดหน้าใดๆ และย้ำว่ายังไม่มีหลักประกันใดๆ ว่า เจ้าหนี้ของบริษัทจะได้รับการชำระ แม้ว่า ไชนา เอเวอร์แกรนด์ จะตกสู่สภาพล้มละลายทันทีในวันที่ 25 ตุลาคมนี้
