โพลชี้โอไมครอนทำมะกันกังวลพุ่ง แต่ไม่เพิ่มการระวังตัว

โพลชี้โอไมครอนทำมะกันกังวลพุ่ง แต่ไม่เพิ่มการระวังตัว

ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดกลายพันธุ์โอไมครอนไปทั่วโลกซึ่งทำให้เกิดความหวั่นวิตกว่าอาจกลายเป็นการแพร่ระบาดระลอกใหม่อีกครั้งหนึ่ง ชาวอเมริกันรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น แต่มีคนจำนวนน้อยมากที่บอกว่าพวกเขาสวมใส่หน้ากากอนามัยเป็นประจำ หรือแยกตัวอยู่เพียงลำพังเมื่อเทียบกับช่วงต้นปีนี้

ผลวิจัยที่จัดทำโดยสำนักข่าวเอพีร่วมกับศูนย์วิจัยเพื่อกิจการสาธารณะ NORC ชี้ว่า ชาวอเมริกันราว 36% ระบุว่าพวกเขารู้สึกวิตกกังวลอย่างยิ่งว่าตนเองรวมถึงสมาชิกในครอบครัวอาจติดเชื้อไวรัส ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งตัวเลขความกังวลอยู่ที่ 25% ขณะที่อีก 31% ระบุว่าพวกเขาค่อนข้างจะกังวลอยู่บ้าง

อย่างไรก็ดี จำนวนตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าความวิตกกังวลยังคงน้อยกว่าเมื่อเดือนสิงหาคม ที่ไวรัสโควิดกลายพันธุ์เดลต้าแพร่ระบาดหนัก และยังต่ำกว่าตัวเลขความวิตกกังวลของชาวอเมริกันในปี 2020 ซึ่งมีจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมากทั่วประเทศ

อย่างไรก็ดี เมื่อถามถึงการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน อาทิ การหลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็น ตัวเลขในเดือนธันวาคมลดลงเหลือเพียง 53% เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ที่ 72% การหลีกเลี่ยงผู้คนจำนวนมากลดลงอยู่ที่ 57% จาก 77% การหลีกเลี่ยงการพบปะกับผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้อยู่ที่ 41% จาก 66% และการสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อพบเจอผู้คนลดลงเหลือเพียง 57% จาก 82%

Advertisement

ดร.ทารา เคิร์ก นักวิชาการอาวุโสจากศูนย์ความมั่นคงทางสาธารณสุขจอนส์ฮอปกินส์ กล่าวว่า ผู้คนคุ้นเคยกับการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ขณะที่ภัยคุกคามจากโควิด-19 ก็กลายเป็นความคุ้นชินสำหรับพวกเขา เนื่องจากเรารับมือกับโควิดมาเป็นเวลานาน และยังต้องรับมือกับมันต่อไปอีกนาน ผู้คนต้องการทำสิ่งต่างๆ ที่อยากทำ ดังนั้น เราควรพุ่งความสนใจไปที่ว่าเราจะช่วยให้ผู้คนผ่านความเสี่ยงต่างๆ เหล่านี้ไปได้อย่างไร มากกว่าที่จะมาบอกว่าอย่าทำอะไรหรือพุ่งเป้าไปที่การลดความเสี่ยงให้เป็นศูนย์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image