
รัฐบาลสหรัฐประกาศจะทุ่มงบลงทุนมูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 145,000 ล้านบาท ในการพัฒนางานวิจัยและทดสอบโครงการรถยนต์ไร้คนขับ เพื่อลดอุบัติเหตุและความแออัดบนท้องถนนลง
แอนโทนี ฟ็อกซ์ รัฐมนตรีคมนาคมสหรัฐ ประกาศระหว่างเดินทางร่วมงาน “นอร์ทอเมริกันอินเตอร์เนชั่นแนลออโตโชว์” พร้อมด้วยผู้บริหารจากบริษัทกูเกิล บริษัทเจเนอรัลมอเตอร์ส ฟอร์ด วอลโว่ เฟียต ไครสเลอร์ และฮอนดา ระบุว่า จำเป็นต้องทำงานกันอีกมากเพื่อสร้างระบบคมนาคมแห่งศตวรรษที่ 21
นอกจากนี้ฟ็อกซ์ ยังระบุว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา วางแผนที่จะขออนุมัติงบประมาณเพื่อเร่งให้มีการริเริ่มและนำรถยนต์ไร้คนขับมาใช้จริง เนื่องจากเทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยลดความแออัด เพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน และลดอัตราการเสียชีวิตผลจากความผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์
“ด้วยการคำนวนง่ายๆของผมเอง นั่นหมายความว่ารถยนต์ที่สามารถขับเคลื่อนเองได้จะสามารถช่วยชีวิตคนได้ 25,000 คนในปีที่ผ่านมา” ฟ็อกซ์ระบุ
ทั้งนี้นอกจากข้อเสนองบประมาณมูลค่ามหาศาลในการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับแล้ว กระทรวงคมนาคมสหรัฐอยู่ระหว่างเสนองบประมาณให้กับรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในการเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารระหว่างยานพาหนะด้วยกันเองโดยโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวสามารถช่วยให้ผู้ขับขี่ได้รับข่าวสารด้านการจราจรแบบนาทีต่อนาที หรือแม้แต่ช่วยให้รถยนต์เบรกอัตโนมัติเมื่อมีความเสี่ยงที่จะเกิดการชนกันได้