โวยม.ฮ่องกง ย่องรื้อถอนกลางดึก เสาแห่งความอัปยศ อนุสรณ์รำลึกเหตุนองเลือดเทียนอันเหมิน
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มหาวิทยาลัยฮ่องกง (เอชเคยู) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดในฮ่องกง ย่องเงียบรื้อถอน “เสาแห่งความอัปยศ” (Pillar of Shame) อนุสรณ์รำลึกถึงเหตุการณ์ปราบปรามผู้ประท้วงเพื่อประชาธิปไตยที่จัตุรัสเทียนอันเหมินของจีนเมื่อปี 1989 ออกไปจากแคมปัสของมหาวิทยาลัยเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา จากที่เคยตั้งตระหง่านอยู่ในแคมปัสของมหาวิทยาลัยแห่งนี้มานานถึง 24 ปี
โดยปฏิบัติการย่องเงียบรื้อถอนเสาแห่งความอัปยศนี้ ถูกก่นประณามจากนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย ที่ตีตราหน้าการรื้อถอนรูปปั้นสัญลักษณ์นี้ทิ้งว่าเป็นการกระทำที่เลวทราม
เสาแห่งความอัปยศนี้ มีความสูง 8 เมตร หนัก 2 ตัน เป็นประติมากรรมรูปคนครึ่งตัวที่มีสีหน้าเจ็บปวดทรมาน ก่ายเกยรวมกันอยู่ เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่ถูกกองทัพจีนเข่นฆ่าสังหารในเหตุการณ์นองเลือดที่จัตุรัสเทียนอันเหมินเมื่อวันที่ 4 มิถุนายนปี 1989 โดยเป็นผลงานของเยนส์ กาลส์ช็อท ประติมากรชาวเดนมาร์ก ซึ่งตั้งอยู่ในแคมปัสของมหาวิทยาลัยฮ่องกงมาตั้งแต่ปี 2540 อันเป็นปีที่อังกฤษส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนสู่อาณัติปกครองของจีน
ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของทางมหาวิทยาลัยได้นำแผงกั้นมาวางโดยรอบ และระดมกำลังคนงานรื้อถอนเสาแห่งความอัปยศนี้ใส่ตู้คอนเทนเนอร์ไป โดยมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้าสกัดนักข่าวไม่ให้เข้าไปในบริเวณที่มีการรื้อถอนและห้ามไม่ให้บันทึกภาพด้วย
นักศึกษาฮ่องกงรายหนึ่งกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า มหาวิทยาลัยขี้ขลาดที่รื้อถอนรูปปั้นนี้ไปตอนเที่ยงคืน ตนรู้สึกผิดหวัง เพราะนี่เป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ และว่า ขณะที่ทางมหาวิทยาลัยกล่าวอ้างว่าสนับสนุนเสรีภาพทางวิชาการ แต่กลับรักษาสิ่งที่เป็นอนุสรณ์ทางประวัติศาสตร์ไว้ไม่ได้
ด้านนายกาลส์ช็อท เจ้าของผลงาน ระบุในถ้อยแถลงถึงการถูกรื้อผลงานของตนเองทิ้งว่า ตนรู้สึกช็อกมาก โดยเขาจะเรียกร้องให้มีการชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับเสาแห่งความอัปยศนี้ด้วย
ขณะที่มหาวิทยาลัยฮ่องกง ได้ออกแสดงท่าทีหลังถูกวิจารณ์หนัก ผ่านแถลงการณ์ระบุว่า การตัดสินใจรื้อถอนรูปปั้นนี้ตั้งอยู่บนคำปรึกษาทางกฎหมายและการประเมินความเสี่ยง ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ทางมหาวิทยาลัยยังมีความห่วงกังวลในประเด็นความปลอดภัยที่เป็นผลจากรูปปั้นนี้เป็นสำคัญด้วย พร้อมกับระบุว่ารูปปั้นนี้จะถูกนำไปเก็บรักษาไว้ต่อไป
ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นถือเป็นการรณรงค์ปิดปากฝ่ายเห็นต่างในฮ่องกงล่าสุด หลังจากที่ทางการจีนพุ่งเป้าเล่นงานประชาชนหรือองค์กรที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยและมีการเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นองเลือดที่เทียนอันเหมิน ซึ่งจีนอ้างว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปราบปรามดังกล่าวราว 300 ราย แต่กลุ่มพิทักษ์สิทธิ์และผู้อยู่ในเหตุการณ์ชี้ว่าอาจมีผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยถูกกองทัพจีนสังหารเสียชีวิตหลายพันคน
