สลด! หน้าผาถล่ม ทับเรือท่องเที่ยว ดับ 10 ราย บาดเจ็บ 32
หน้าผาถล่ม – เมื่อวันที่ 9 มกราคม สำนักข่าวบีบีซี และเอเอฟพี รายงานว่า เกิดเหตุหน้าผาในทะเลสาบซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวในทะเลสาบ ที่ประเทศบราซิล ถล่มลงมาทับเรือท่องเที่ยวอย่างจัง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 10 รายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก โดยเหตุการณ์ดังกล่าวถูกบันทึกเอาไว้ได้โดยนักท่องเที่ยวที่นั่งอยู่ที่เรืออีกลำหนึ่ง
ร้อยโทเปโดร ไอฮารา หนึ่งในหน่วยกู้ภัยของรัฐมินาสเชไรส์เปิดเผยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุหน้าผาถล่มใส่เรือนักท่องเที่ยวในทะเลสาบเฟอร์นาสของบราซิลเพิ่มขึ้นเป็น 10 รายแล้ว ส่วนผู้บาดเจ็บอยู่ที่ 32 ราย ซึ่งมี 9 รายที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
ภาพวิดีโอบันทึกเหตุการณ์ หน้าผาถล่ม เมื่อเวลา 11.00 น.ของวันที่ 8 มกราคมตามเวลาท้องถิ่นที่บันทึกเอาไว้โดยนักท่องเที่ยวในเรืออีกลำหนึ่ง เผยให้เห็นชิ้นส่วนของหน้าผาขนาดยักษ์กำลังแยกออกและฟาดลงไปบนผืนน้ำ ขณะเดียวกันผู้คนบนเรือที่อยู่ห่างออกไปก็ตะโกนบอกให้รีบออกจากบริเวณดังกล่าว แต่หินผาขนาดใหญ่ตกลงมาใส่เรือ 4 ลำและมีเรืออย่างน้อย 1 ลำที่จมลงทันที ขณะที่กำลังพยายามขับหนีผาหินยักษ์ขนาดยักษ์ อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่มีฝนตกต่อเนื่องหลายวันที่รัฐมินาสเชไรส์ ซึ่งทำให้หน้าผามีโอกาสจะถล่มเพิ่มมากขึ้น
จากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นพบว่า เหยื่อทั้งหมดเป็นชาวบราซิลที่มีอายุระหว่าง 14-68 ปี
อะเลสซานดรา บาร์โบซา หนึ่งในญาติของผู้สูญหายระบุว่า เธอพยายามตามหาญาติๆของเธอที่ไปเที่ยวที่นั่นและตัดสินใจนั่งเรือชมหน้าผาด้วย โดยเธอได้โทรติดต่อโรงพยาบาลในบริเวณนั้นแล้ว แต่ไม่มีข่าวคราวของพวกเขาเลย เธอรู้สึกเครียดและกังวลมากๆ อย่างไรก็ตามขณะนี้หน่วยกู้ภัยพบร่างผู้สูญหายทั้งหมดแล้ว
ล่าสุดทางการกำลังพยายามระบุตัวผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นไปอย่างยากลำบากเนื่องจากสภาพศพได้รับความเสียหายอย่างหนัก
URGENTE
Pedra se desprende de desfiladeiro e atinge duas lanchas, no Lago de Furnas, em Capitólio pic.twitter.com/Sj6SVLK9ii— Estado de Minas (@em_com) January 8, 2022
Vídeo mostra outro ângulo de quando rocha desaba e atinge lanchas em Capitólio; veja pic.twitter.com/WWDYPU0kXD
— Estado de Minas (@em_com) January 8, 2022
Lanchas foram avisadas para se afastar de rocha gigante que desabou em Capitólio; veja outro vídeo pic.twitter.com/46ILX2CVm3
— Estado de Minas (@em_com) January 8, 2022