สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายฮวน มานูเอล ซานโตส ประธานาธิบดีโคลอมเบีย เป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2559 จากความพยายามที่จะยุติสงครามความขัดแย้งในประเทศที่ดำเนินมาอย่างยาวนานถึง 5 ทศวรรษ ในพิธีประกาศรางวัลที่กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
นายซานโตสได้รับรางวัลนี้แม้ว่าความพยายามที่จะบรรลุข้อตกลงประวัติศาสตร์กับนายโรดริโก ลอนดอนโญ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ติโมเลออน “ติโมเชนโก” ฮิเมเนซ ผู้นำกองกำลังปฏิวัติโคลอมเบียหรือกลุ่มกบฏฟาร์กเมื่อเดือนที่แล้ว ถูกปฏิเสธจากบรรดาผู้มีสิทธิออกเสียงชาวโคลอมเบียในผลการลงประชามติที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วทั้งโลกเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังความพยายามในการเจรจาเกือบ 4 ปี
นางคาซี คูลมันน์ ฟีเว ประธานคณะกรรมการพิจารณารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพระบุว่า “คณะกรรมการพิจารณารางวัลโนเบลของนอร์เวย์ตัดสินใจที่จะมอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2559 ให้กับประธานาธิบดีฮวน มานูเอล ซานโตสของโคลอมเบีย จากความพยายามอย่างไม่ย่อท้อที่จะยุติสงครามความขัดแย้งในประเทศซึ่งดำเนินมาอย่างยาวนานถึง 50 ปี”
“เป็นเรื่องอันตรายอย่างแท้จริงที่กระบวนการสันติภาพหยุดชะงักไป ซึ่งอาจทำให้สงครามกลางเมืองปะทุขึ้นอีกครั้ง นี่เป็นเรื่องสำคัญมากที่ทุกฝ่าย นำโดยประธานาธิบดีซานโตสและโรดริโก ลอนดอนโญ ผู้นำกลุ่มกบฏฟาร์ก จำเป็นต้องเคารพข้อตกลงหยุดยิงต่อไป” นางคูลมันน์ ฟีเวระบุ
ก่อนหน้านี้ กระบวนการสันติภาพของโคลอมเบียได้รับการคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงที่จะได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าโอกาสดังกล่าวน่าจะสลายไปกับสายลมหลังจากที่ชาวโคลอมเบียลงประชามติปฏิเสธข้อตกลงสันติภาพดังกล่าว
“ข้อเท็จจริงที่ว่าผู้มีสิทธิออกเสียงส่วนใหญ่ลงมติไม่รับข้อตกลงสันติภาพไม่ได้หมายความว่ากระบวนการสันติภาพจบสิ้นแล้ว การลงประชามติไม่ใช่การเลือกว่าจะรับหรือคัดค้านสันติภาพ สิ่งที่ฝ่ายลงมติไม่รับข้อตกลงปฏิเสธนั้น ไม่ใช่ความต้องการสันติภาพ แต่เป็นการปฏิเสธรายละเอียดในข้อตกลงบางอย่าง” นางฟีเวกล่าว และว่า “คณะกรรมการพิจารณารางวัลโนเบลต้องการเน้นย้ำให้เห็นถึงข้อเท็จจริงสำคัญที่ว่า ถึงตอนนี้ประธานาธิบดีซานโตสได้เชื้อเชิญให้ทุกฝ่ายเข้าร่วมในกระบวนการเจรจาระดับชาติเป็นวงกว้างเพื่อให้กระบวนการสันติภาพเดินหน้าไปได้”
ทั้งนี้ประธานาธิบดีซานโตสจะได้รับเหรียญทองคำรางวัลโนเบล ประกาศนียบัตรประกาศเกียรติคุณและเงินรางวัล 8 ล้านโครนสวีเดน หรือราว 31.7 ล้านบาท ในพิธีมอบรางวัลซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ ในวันที่ 10 ธันวาคมนี้
