ศาลสูงมะกันคว่ำคำสั่ง บังคับลูกจ้างบริษัทใหญ่ฉีดวัคซีนโควิด
ศาลสูงสุดของสหรัฐอเมริกาได้มีคำสั่งยุติความพยายามภายใต้การผลักดันของรัฐบาลสหรัฐที่จะกระตุ้นให้ผู้คนเข้ารับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น ด้วยการกำหนดให้ลูกจ้างของธุรกิจขนาดใหญ่ต้องเข้ารับการฉีดวัคซีน ไม่เช่นนั้นก็ต้องมีการตรวจหาเชื้อเป็นประจำ รวมถึงต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยขณะปฎิบัติหน้าที่
อย่างไรก็ดี ศาลได้อนุญาตให้รัฐบาลสหรัฐเดินหน้าในการกำหนดให้มีการฉีดวัคซีนในบุคลากรด้านสาธารณสุขในประเทศ ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในสหรัฐเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอน
ศาลสูงซึ่งเสียงส่วนใหญ่เป็นผู้พิพากษาแนวอนุรักษนิยมระบุว่า รัฐบาลได้ใช้อำนาจเกินขอบเขตด้วยการประกาศมาตรการที่กำหนดให้พนักงานของภาคธุรกิจในสหรัฐที่มีลูกจ้างมากกว่า 100 คน ต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนไม่เช่นนั้นก็ต้องมีการตรวจหาเชื้อเป็นประจำ
คำสั่งดังกล่าวส่งผลกระทบกับลูกจ้างมากกว่า 80 ล้านคน แต่รัฐบาลเชื่อว่าการดำเนินการนโยบายนี้จะช่วยรักษาชีวิตคนได้ถึง 6,500 คน และป้องกันการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลของผู้คนได้มากถึง 250,000 คน ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า
ด้านผู้พิพากษาฝ่ายเสรีนิยม 3 คนในศาลชี้ว่า เป็นศาลสูงที่ล้มเหลวในการใช้อำนาจด้วยการทำหน้าที่ตัดสินเรื่องดังกล่าวแทนผู้เชี่ยวชาญทางด้านสาธารณสุข ถือเป็นการกระทำที่อยู่นอกเหนือขอบเขตความสามารถและพื้นฐานของกฎหมาย และศาลยังได้ลบล้างวิจารณญาณของเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งมีความรับผิดชอบในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในสถานที่ทำงานอีกด้วย
ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แสดงความผิดหวังต่อคำตัดสินของศาลสูงที่เลือกระงับมาตรการที่เขาเห็นว่า เป็นข้อเท็จจริงตามสามัญสำนึกที่จะช่วยรักษาชีวิตของผู้คนในสถานที่ประกอบธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งมีพื้นฐานโดยชอบธรรมทั้งทางวิทยาศาสตร์และทางกฏหมาย
