ยูเอ็นเผยชาติยากจนปฏิเสธวัคซีนบริจาคกว่า 100 ล้านโดสในเดือนเดียว เหตุใกล้หมดอายุ
สหประชาชาติระบุว่า ชาติยากจนได้ปฏิเสธที่จะรับวัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับบริจาคราว 100 ล้านโดสในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว ปัญหาใหญ่มาจากสาเหตุที่วัคซีนดังกล่าวใกล้หมดอายุ
องค์การอนามัยโลกออกมาโจมตีความอัปยศทางศีลธรรมของชาติร่ำรวยที่กักตุนวัคซีน ก่อนที่จะปล่อยวัคซีนเหล่านั้นออกมาเมื่อมันใกล้หมดอายุ แล้วค่อยบริจาคให้กับประเทศยากจนที่ขาดแคลนวัคซีน โดยตัวอย่างที่เห็นได้คือไนจีเรียต้องทิ้งวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าไปมากกว่า 1 ล้านโดสเมื่อเดือนที่ผ่านมา
กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) ซึ่งรับหน้าที่ช่วยเหลือในการกระจายวัคซีนผ่านโครงการโคแวกซ์ระบุว่า ในเดือนธันวาคมเพียงเดือนเดียว มีวัคซีนบริจากมากกว่า 100 ล้านโดสที่ถูกปฏิเสธเพราะมันใกล้หมดอายุ ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ทำให้เกิดปัญหาคอขวดกับประเทศต่างๆ ที่วางแผนการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน
“จนกว่าเราจะได้วัคซีนที่มีอายุยาวนานกว่านี้ ปัญหานี้จะกลายเป็นแรงกดดันสำหรับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะกับประเทศที่การเข้าถึงประชากรจำนวนมากทำได้ไม่ง่ายนัก”ยูนิเซฟระบุ และว่า ขณะนี้หลายประเทศได้ร้องขอให้ยุติการส่งมอบวัคซีนไปจนถึงเดือนมีนาคม เพื่อให้พวกเขาสามารถจัดการกับการบริหารวัคซีนได้ดีขึ้น
ทั้งนี้สหภาพยุโรป (อียู) บริจาควัคซีนผ่านโครงการโคแวกซ์ให้มากถึง 1 ใน 3 อย่างไรก็ดีในระหว่างเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน วัคซีนที่อียูบริจาค 15 ล้านโดส ซึ่งในจำนวนนี้ 75% เป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ามีอายุเหลืออยู่ไม่ถึง 10 สัปดาห์เท่านั้น