1 ปี ปธน.โจ ไบเดน มะกันยังแตกแยก โควิดยังระบาดหนัก

1 ปี ปธน.โจ ไบเดน มะกันยังแตกแยก โควิดยังระบาดหนัก

นับเป็นเวลาเกือบหนึ่งปีหลังจากที่นายโจ ไบเดน สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่ แต่จนถึงขณะนี้ชาวอเมริกันยังต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ทั้ง 2 เรื่องที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลง ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดของโควิด-19 และความแตกแยกในประเทศที่ยังคงดำรงอยู่เช่นเดิม

ในการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 ไบเดนได้วิงวอนให้ชาวอเมริกันยุติสงครามกลางเมือง ขณะเดียวกันเขาประกาศว่าทุกคนจะสามารถก้าวข้ามผ่านการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ แต่ในความเป็นจริงไม่มีปัญหาใดเลยที่ยุติลง

ในการเลือกตั้งกลางเทอมที่กำลังจะเกิดขึ้น ไบเดนต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มคนที่ไม่พอใจกับปัญหาต่างๆ และพรรครีพับลิกันที่ยังคงเผยแพร่ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งในปี 2563 ว่าเขาขโมยชัยชนะไปจากโดนัลด์ ทรัมป์ การโกหกจำนวนมากและการหลอกลวงเกี่ยวกับผลการลงคะแนนได้กลายเป็นข้อกล่าวอ้างที่ถูกพูดถึงในหลายรัฐ เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงกฎกติกาในการเลือกตั้ง และยิ่งเติมเชื้อเพลิงให้เกิดความแตกแยกและความคับข้องใจเพิ่มขึ้นต่อไป

หนึ่งปีภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีไบเดน กลายเป็นปีที่เต็มไปด้วยการแพร่ระบาดที่ไม่หยุดหย่อน การต้องรับมือกับสภาคองเกรสอย่างหนักหน่วง รวมถึงการยุติสงครามนอกประเทศลงอย่างเจ็บปวด ท่ามกลางความหวั่นวิตกและหวาดกลัวเกี่ยวกับอนาคตของประชาธิปไตย รวมกับความแตกแยกที่ร้าวลึกยิ่งขึ้นของชาวอเมริกัน

Advertisement

นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐยังต้องเผชิญกับปัญหามากมายตั้งแต่การที่ศาลสูงได้มีคำสั่งห้ามการบังคับใช้นโยบายให้ผู้คนที่ทำงานในบริษัทใหญ่เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 การต้องปรับลดเงินที่จ่ายรายเดือนให้กับครอบครัวโดยไม่มีการรับประกันว่าจะกลับมาจ่ายให้ได้ใหม่หรือไม่ การผลักดันนโยบายสร้างเครือข่ายความมั่นคงทางสังคมครั้งประวัติศาสตร์ก็ยังประสบปัญหาในสภาคองเกรส ขณะที่ผู้คนที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปีในสหรัฐไม่เคยเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเช่นนี้

อย่างไรก็ดี ชาวอเมริกันเห็นว่าการบริหารงานภายใต้การนำของประธานาธิบดีไบเดนจะทำให้หลายสิ่งกลับเข้าสู่สภาวะปกติ พวกเขาได้เห็นความสง่างามและความมีเกียรติกลับคืนสู่ทำเนียบขาว สัตว์เลี้ยงหมายเลข 1 ก็กลับคืนมา เช่นเดียวกับการแถลงข่าวรายวันที่กลับมาอีกครั้งเช่นกัน

ไบเดนยังได้รับชัยชนะในการผลักดันงบประมาณรายจ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทั้ง 2 พรรคการเมือง ภายใต้ความหวังว่ามันจะช่วยปรับปรุง เตรียมความพร้อม และวางรากฐานครั้งใหม่ให้กับภาคอุตสาหกรรมและสังคมสหรัฐเพื่อให้สามารถตอบรับกับโลกยุคใหม่ได้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

คาล จิลสัน อาจารย์ด้านการเมืองจากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นเมธอดิสต์ในดัลลัส กล่าวว่า ยังไม่เห็นภาพของชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ในหลายๆ ด้านอย่างชัดเจน และไบเดนยังคงเป็นคนที่มักไม่มีสุนทรพจน์ที่ควรค่ากับการจดจำ อย่างไรก็ดี คนส่วนใหญ่มองว่าไบเดนเป็นคนที่มั่นคงแต่ไม่ใช่คนที่มีพลังหรือหนักแน่นแต่อย่างใด

ด้านจอห์น เฟอร์กูสัน อดีตเจ้าหน้าที่ด้านการทูตในเวอร์จิเนียชี้ว่า แน่นอนว่าไบเดนดีกว่าทรัมป์ แต่ดูเหมือนเขาจะกล่าวสุนทรพจน์แทบจะทุกทุก 4 ชั่วโมง และเขาไม่ได้ทำมันได้ดีนัก

ในภาพใหญ่ไบเดนได้สะท้อนให้เห็นถึงภาพของความมีมารยาทและการคาดเดาได้เมื่อพูดถึงประเด็นอย่างการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และเขายังสะท้อนภาพของประธานาธิบดีสหรัฐที่มีความเชื่อมั่นในการร่วมมือกับชาติพันธมิตร พร้อมกับประกาศว่าจะฟื้นฟูความน่าเชื่อถือของสหรัฐที่ถูกทำให้ล่มสลายภายใต้การนำของทรัมป์

กระนั้นก็ดีภาพแห่งการถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานของสหรัฐที่ทำให้เกิดความวุ่นวายตามมา สะท้อนให้เห็นว่าไบเดนประเมินความสามารถของทาลิบันต่ำกว่าความเป็นจริง และยังทำให้ความพยายามหลายสิบปีของสหรัฐในอัฟกานิสถานล่มสลาย ขณะที่ไบเดนได้กล่าวโทษอัฟกานิสถานที่ทำให้ทุกอย่างตกอยู่ในสภาพผิดทิศผิดทางเช่นนี้

รอน ไคลน์ หัวหน้าคณะทำงานของประธานาธิบดีไบเดน กล่าวว่า เขาคิดว่าในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมามีความสำเร็จมากมายรวมถึงมีหลายสิ่งที่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้แม้จะมีอุปสรรคจำนวนมาก พร้อมกับย้ำว่าการทำงานในปีที่สองของประธานาธิบดีไบเดนคือ การผลักดันงานที่ทำไว้ให้มีความก้าวหน้าต่อไป

ไคลน์รับว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจสูงสุดจากไบเดน และความท้าทายในเรื่องดังกล่าวมีอิทธิพลอยู่เหนือทุกอย่างที่เราทำ เขาแสดงความเชื่อมั่นว่าการบริหารงานภายใต้การนำของไบเดนได้ทำให้เกิดความก้าวหน้าครั้งประวัติศาสตร์ แต่ก็ยังคงมีความท้าทายรออยู่อีกมากเช่นกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image