‘จี20’เตือน นักการเมืองประชานิยมเป็นภัยคุกคามต่อศก.โลก

AFP PHOTO / ZACH GIBSON

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 ชาติ หรือจี20 เตือนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมว่า นักการเมืองประชานิยมที่ใช้แนวคิดในการต่อต้านโลกาภิวัตน์และต่อต้านการค้าเสรีสร้างความเสี่ยงให้กับเศรษฐกิจโลก โดยระบุว่า พลังที่ขับเคลื่อนให้นายโดนัลด์ ทรัมป์มาถึงจุดที่เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและการลงประชามติออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ของอังกฤษ อาจทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่เปราะบางอยู่แล้วหยุดชะงักได้

แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อนายทรัมป์หรือนักการเมืองคนใดเลย แต่นายโหลว จี่ เหว่ย รัฐมนตรีคลังจีนที่แถลงข่าวในนามผู้แทนของจี20 ระบุว่า การหาเสียงแบบล่อใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งด้วยแนวคิดประชานิยมเป็นหนึ่งในภัยคุกคามใหญ่ที่สุดของเศรษฐกิจโลก

“แนวทางของประชานิยมที่ต่อต้านโลกาภิวัตน์แบบหยั่งรากลึกได้ขับเคลื่อนผลักดันนักการเมืองหลายคนที่มาพร้อมคำขวัญในการหาเสียงเพื่อพยายามเรียกคะแนนสนับสนุน แต่สร้างความไม่แน่นอนให้กับพวกเราทั้งหมด” นายโหลวกล่าวหลังสิ้นสุดการประชุมรัฐมนตรีคลังจี20 ซึ่งจัดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมประจำปีของธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่กรุงวอชิงตัน สหรัฐ และว่า “เราจำเป็นต้องตระหนักเรื่องความเสี่ยงทางการเมืองบางประการ เช่นการเลือกตั้งประธานาธิบดีในบางประเทศที่มีเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่”

ข่าวระบุว่า การแสดงความคิดเห็นของจี20 มีขึ้นในช่วงที่การเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเข้าสู่โค้งสุดท้าย โดยนายทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน ใช้การปราศรัยหาเสียงในเรื่องที่มีแรงดึงดูดทรงพลังอย่าง การต่อต้านผู้อพยพและต่อต้านการค้าเสรีเป็นอาวุธเด็ดในการต่อสู้กับนางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครต

Advertisement

อีกทั้งยังมีกระแสประชานิยมในยุโรปอย่างกรณีการลงมติออกจากการเป็นสมาชิกอียูของอังกฤษ ในเหตุการณ์ที่เรียกว่าเบร็กซิท นอกจากนี้ นักการเมืองทั้งในยุโรปและสหรัฐที่หาเสียงโดยอ้างว่าตนคัดค้านความตกลงหุ้นส่วนการค้าและการลงทุนภาคพื้นแอตแลนติก (ทีทีไอพี) และความตกลงหุ้นส่วนการค้าภาคพื้นแปซิฟิก (ทีพีพี) สามารถเรียกคะแนนเสียงได้เป็นจำนวนมากจากผู้คนที่กลัวว่าข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้สูญเสียงานไป

แนวโน้มดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับผู้นำสถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาใหญ่ที่สุดของโลก 2 แห่งทั้งนางคริสตีน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ และนายจิม ยอง คิม ประธานเวิลด์แบงก์ โดยนางลาการ์ดกล่าวว่า ปีนี้เศรษฐกิจโลกเติบโตในระดับต่ำกว่ามาตรฐานที่ 3.1 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาสร้างกำแพงกีดกั้นทางการค้า
“การค้าถูกทำให้กลายเป็นเกมการเมืองไปแล้ว” นางลาการ์ดกล่าว

ด้านประธานเวิลด์แบงก์กล่าวว่า รัฐบาลของประเทศต่างๆ ทั่วโลกต้องขจัดเมฆหมอกของการอยู่โดดเดี่ยวและการกีดกันทางการค้า โดยระบุว่าการเปิดพรมแดนได้ช่วยฉุดผู้คนจำนวนกว่า 1 พันล้านให้หลุดพ้นจากความยากจน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image