โลกร่วมเรียกร้อง ‘เมียนมา’ คืนสู่หนทางประชาธิปไตย
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ เรียกร้องให้กองทัพเมียนมายกเลิกการกระทำที่เกิดขึ้น ปล่อยนางออง ซาน ซูจี ผู้นำพลเรือนรวมถึงผู้ที่ถูกควบคุมตัวคนอื่นๆ และมีส่วนร่วมในการเจรจาที่มีความหมายเพื่อให้เมียนมากลับมาเดินบนหนทางประชาธิปไตย
ขณะที่นายอันโตนิอู กุแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่ามีการใช้ความรุนแรงมากขึ้น ขณะที่ปัญหาสิทธิมนุษยชนและวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมในเมียนมาก็ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผนวกกับความยากจนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเมียนมา เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมีการตอบสนองอย่างเร่งด่วน
นอกจากนี้ยังมีการออกแถลงการณ์ร่วมของหลายชาตินำโดยสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และเกาหลีใต้ระบุว่า ประชาชนเมียนมากว่า 14 ล้านคนจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เศรษฐกิจเมียนมาอยู่ในภาวะวิกฤต ความขัดแย้งได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศ โดยรัฐบาลทหารต้องรับผิดชอบต่อวิกฤตที่เกิดขึ้น พร้อมกับเน้นย้ำข้อเรียกร้องให้ระบอบการปกครองของทหารเมียนมายุติการบังคับใช้สถานการณ์ฉุกเฉิน อนุญาตให้มีการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยปราศจากการขัดขวาง ปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตามอำเภอใจซึ่งรวมถึงชาวต่างชาติ และฟื้นคืนกระบวนการประชาธิปไตยกลับสู่ประเทศเมียนมา
ทั้งนี้ความพยายามที่จะใช้วิถีทางทางการทูตเพื่อแก้ไขปัญหาของอาเซียนยังคงไม่มีความคืบหน้าที่เด่นชัดนัก โดยรัฐบาลทหารเมียนมาไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการตามฉันทามติ 5 ข้อที่ผู้นำอาเซียนได้ตกลงร่วมกัน
กระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียระบุว่า เป็นเรื่องน่าเศร้าที่จนถึงขณะนี้ยังไมมีความคืบหน้าที่สำคัญใดๆ เกิดขึ้น ขณะที่สิงคโปร์ระบุว่า สถานการณ์สำหรับประชาชนชาวเมียนมายังคงแย่ลงเรื่อยๆ พร้อมกับเรียกร้อให้มีการปล่อยตัวนางออง ซาน ซูจี และนักโทษการเมืองคนอื่นๆ ด้วย
