ยังเครียด! มะกันเร่งพลเมืองออกจากยูเครนใน 48 ชม. ชี้รัสเซียอยู่ในสถานะลงมือโจมตีได้ทุกเมื่อ
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สหรัฐอเมริกาเร่งให้พลเมืองชาวอเมริกันออกจากยูเครนภายใน 48 ชั่วโมง เนื่องจากรัสเซียมีกองกำลังทหารพร้อมที่จะบุกยูเครนได้ทุกเมื่อ โดยการบุกรุกรานอาจเริ่มต้นขึ้นจากปฏิบัติทิ้งระเบิดโจมตีทางอากาศ ซึ่งจะทำให้การเดินทางออกเป็นไปได้ยากและเป็นอันตรายต่อพลเรือน
นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ แถลงที่ทำเนียบขาวในวันศุกร์(11 ก.พ.)ว่า กองกำลังรัสเซียขณะนี้อยู่ในสถานะที่จะสามารถดำเนินการปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ได้ ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นการยกระดับที่ชัดเจนที่เป็นสัญญาณเตือนภัยเร่งด่วน
“เราไม่สามารถคาดการณ์อนาคต ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ความเสี่ยงและภัยคุกคามขณะนี้มีมากพอที่(การเดินทางออก)จะต้องระมัดระวัง” ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐกล่าว และว่า รัฐบาลสหรัฐไม่รู้ว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายที่จะบุกยูเครนหรือไม่ แต่กล่าวว่า ทำเนียบเครมลินกำลังมองหาบริบทที่จะสร้างความชอบธรรมให้กับปฏิบัติการทางทหารของตนเอง ซึ่งเขากล่าวว่าอาจเริ่มต้นขึ้นด้วยการทิ้งระเบิดโจมตีทางอากาศ
ความเห็นของนายซัลลิแวนมีขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐเตือนว่ารัสเซียสะสมกำลังพลตามแนวชายแดนติดกับยูเครนเพิ่มขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่รัสเซียกำลังจะซ้อมรบทางทะเลในทะเลดำในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
รัสเซียปฏิเสธมาโดยตลอดว่าไม่ได้มีแผนจะบุกรุกรานยูเครนแต่อย่างใด แม้รัสเซียจะถูกจับความเคลื่อนไหวได้ว่าได้เคลื่อนกำลังทหารกว่า 100,000 นาย ประชิดชายแดนยูเครนในช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยกระทรวงต่างประเทศรัสเซียกล่าวหาชาติตะวันตกว่าแพร่ขยายข้อมูลผิดๆ
นอกจากสหรัฐแล้วยังมีอีกหลายประเทศ อาทิ สหราชอาณาจักร แคนาดา เนเธอร์แลนด์ ลัตเวีย ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ ที่เรียกร้องให้พลเมืองของตนเองเดินทางออกจากยูเครนโดยเร็วด้วย เนื่องจากสถานการณ์ที่น่าห่วงกังวล
ก่อนหน้านี้ นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า กองกำลังทหารรัสเซียที่เพิ่มขึ้นตามแนวชายแดน เป็นสัญญาณที่น่ากังวลยิ่งของการขยายความรุนแรงของรัสเซีย โอกาสการบุกรุกรานอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อและเป็นที่ชัดเจนว่ารวมถึงในช่วงระหว่างที่มีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่ง(ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 20 กุมภาพันธ์)นี้ด้วย
ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ กล่าวก่อนหน้าในวันเดียวกันว่า เขาจะไม่ส่งกำลังทหารเข้าไปแม้กระทั่งในการช่วยเหลือพลเมืองชาวอเมริกันที่ตกค้างอยู่ในยูเครนหากรัสเซียลงมือโจมตี
วันเดียวกันไบเดนยังจัดประชุมระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับบรรดาผู้นำประเทศแถบทรานส์แอตแลนติก ที่ทุกฝ่ายเห็นที่จะร่วมมือกันในการใช้มาตรการทางเศรษฐกิจตอบโต้รัสเซียหากบุกรุกรานยูเครน
สหรัฐยังได้ส่งกำลังทหารอีก 3,000 นาย จากค่ายในฟอร์ทแบร็ก รัฐนอร์ธแคโรไลนา ไปยังโปแลนด์ คาดว่าจะเดินทางถึงในสัปดาห์หน้า โดยระบุว่ากองกำลังทหารดังกล่าวจะไม่เข้าไปสู้รบในยูเครน แต่จะเป็นหลักประกันในการปกป้องพันธมิตรของสหรัฐ นอกจากนี้ สหรัฐยังปรับกำลังใหม่ด้วยการส่งฝูงเครื่องบินขับไล่เอฟ-16 ที่ประจำการอยู่ในเยอรมนี ไปยังโรมาเนียด้วย
ยังมีการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่สหรัฐว่า ประธานาธิบดีไบเดนจะพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีปูติน ในช่วงเช้าวันเสาร์(12 ก.พ.)นี้ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อหารือถึงสถานการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้นรอบยูเครน หลังจากตอนแรกทำเนียบเครมลินต้องการให้ผู้นำทั้งสองได้พูดคุยหารือกันในวันจันทร์(14 ก.พ.) แต่ยอมรับในภายหลังในความคิดของสหรัฐที่ขอให้เจรจาเร็วขึ้น
