จับตา! ผู้นำกลุ่มแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซียในยูเครนสั่งระดมพล อ้างถูกยูเครนโจมตี

เจ้าหน้าที่กำลังตรวจรถยนต์หลังเกิดเหตุระเบิดที่โดเนตสค์ / REUTERS

จับตา! ผู้นำกลุ่มแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซียในยูเครนสั่งระดมพล อ้างถูกยูเครนโจมตี

ผู้นำกลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครนที่ฝักใฝ่รัสเซีย 2 กลุ่ม ประกาศระดมพลในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ซึ่งยิ่งทำให้ความหวั่นวิตกว่าสถานการณ์ในยูเครนจะบานปลายกลายเป็นการสู้รบพุ่งสูงขึ้นตามมา การประกาศระดมพลดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่องค์กรความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรประบุว่า มีการโจมตีขยายตัวเพิ่มขึ้นในพื้นที่แนวหน้าของยูเครนตะวันออก โดยกลุ่มกบฏที่สนับสนุนรัสเซีย

ทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวหากันและกันว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุดในช่วงเช้าวันเสาร์ หลังมีเสียงระเบิดดังขึ้นหลายครั้งในทางตอนเหนือของเมืองโดเนตสค์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การปกครองของกลุ่มฝักใฝ่รัสเซีย ต่อมานายเดนิส ปูชิลิน ผู้นำกลุ่มสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ กล่าวผ่านวิดีโอว่าเขาได้ลงนามในคำสั่งระดมพล พร้อมเรียกร้องให้พลเมืองกองหนุนมารายงานตัว

ด้านนายลีโอนิด พาเซสนิค ผู้นำเขตแบ่งแยกดินแดนลูฮานสค์ ก็ออกคำสั่งให้ประชาชนเตรียมพร้อมสำหรับการรุกรานเช่นเดียวกัน โดยพาเซสนิคระบุว่า กองกำลังของเขาได้ป้องกันการโจมตีที่วางแผนโดยหน่วยงานด้านความมั่นคงของยูเครน พร้อมย้ำว่ากองทัพยูเครนได้ทำการโจมตีอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่เมื่อวันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น มีรายงานเกิดเหตุระเบิดรถยนต์ที่สำนักงานใหญ่ของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ ทำให้รถจิ๊บยุคสหภาพโซเวียตหลายคันถูกทำลาย นอกจากนี้ ยังมีรายงานเหตุระเบิดท่อส่งก๊าซที่ลูฮานสค์ 2 ครั้ง ซึ่งทำให้เกิดไฟไหม้ขึ้นตามมา

Advertisement

ก่อนหน้าเหตุระเบิดที่โดเนตสค์ราวหนึ่งชั่วโมง ผู้นำสาธารณรัฐโดเนตสค์และลูฮานสค์ซึ่งเป็นกลุ่มฝักรัสเซียได้สั่งการให้มีการอพยพผู้หญิง เด็ก และผู้สูงอายุราว 7 แสนคนออกจากพื้นที่ ก่อนหน้าสิ่งที่พวกเขาอ้างว่าจะเผชิญกับการบุกรุกของยูเครน ซึ่งทางการยูเครนปฏิเสธว่าไม่มีแผนการโจมตีอย่างที่มีการกล่าวหา

ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า รายงานข่าวเกี่ยวกับการอพยพในยูเครนตะวันออก และเหตุระเบิดรถยนต์ในเมืองโดเนตสค์ เป็นความพยายามที่จะปิดบังด้วยการโกหกและการบิดเบือนข้อมูลที่ว่า รัสเซียเป็นผู้ทำการรุกรานในความขัดแย้งที่มีอยู่

กระทรวงต่างประเทศสหรัฐระบุด้วยว่า การกระทำดังกล่าวถือเป็นการเหยียดหยามและโหดร้ายที่จะใช้มนุษย์เป็นเบี้ย เพื่อทำให้โลกหันเหจากข้อเท็จจริงที่ว่า รัสเซียกำลังระดมกองกำลังเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตี

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image