อียูจัดหนัก! ประกาศส่งอาวุธให้ยูเครน ปิดน่านฟ้าห้ามเครื่องบินรัสเซียผ่าน
สหภาพยุโรป (อียู) ได้ดำเนินมาตรการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนด้วยการประกาศจัดส่งอาวุธให้กับยูเครนเพื่อนำไปใช้ในการต่อสู้กับรัสเซียที่กำลังรุกราน ภายใต้การดำเนินการที่ถูกอธิบายว่าเป็นการเหตุการณ์ที่จะกำหนดความเป็นไปของสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาทั้งหมดในยุโรปจากนายโจเซฟ บอเรลล์ ผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงและรองประธานคณะกรรมาธิการอียู
บอเรลล์กล่าวว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของอียูทั้ง 27 ประเทศได้ไฟเขียวให้การสนับสนุนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนกับยูเครน และการกระทำดังกล่าวจะมีผลในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าโดยอียูได้ตัดสินใจที่จะใช้ศักยภาพที่มีเพื่อจัดหาอาวุธร้ายแรงรวมถึงความช่วยเหลือให้กับกองทัพยูเครนเป็นมูลค่า 450 ล้านยูโร และยังจะจัดหาอุปกรณ์ที่ไม่เป็นอันตราย อุปกรณ์ป้องกัน รวมถึงพลังงานมูลค่าอีก 50 ล้านยูโรให้กับยูเครนด้วย
บอเรลล์กล่าวด้วยว่า รัฐมนตรีกลาโหมของอียูจะหารือกันในวันจันทร์นี้เพื่อดูว่าจะผันเงินกองทุนที่มีไปเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ที่จะสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างไร เพื่อรับประกันว่าความช่วยเหลือต่างๆ จะไปถึงกองทัพยูเครน ขณะที่โปแลนด์ได้ตกลงที่จะเป็นศูนย์กลางในการกระจายอาวุธและอุปกรณ์เหล่านั้น
แผนการของอียูที่จะให้การสนับสนุนยูเครนทางด้านอาวุธจะถูกนำไปใช้เพื่อซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศ อาวุธเพื่อต่อต้านรถถัง กระสุนปืน รวมถึงอาวุธยุทธโธปกรณ์อื่นๆ ให้กับกองทัพยูเครนต่อไป
รัฐมนตรีของอียูยังได้ตกลงที่จะเพิ่มรายชื่อของบุคคลรวมถึงองค์กรของรัสเซียเข้าไปในรายชื่อของผู้ที่ถูกคว่ำบาตร ซึ่งรวมถึงบรรดามหาเศรษฐีและผู้มีอำนาจของรัสเซียที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ รวมถึงเจ้าหน้าที่รัสเซียที่มีบทบาทสำคัญ และผู้ที่เผยแพร่ข่าวสารข้อมูลที่บิดเบือน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการอายัดทรัพย์ของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน รวมถึงนายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียไปแล้ว
นางเออร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปยังประกาศมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อรัสเซีย 3 ชุดหลัก ประการแรกอียูจะปิดน่านฟ้าต่อรัสเซีย ซึ่งจะเป็นการห้ามเครื่องบินที่มีคนรัสเซียเป็นเจ้าของ เครื่องบินที่จดทะเบียนในรัสเซีย และเครื่องบินที่ถูกควบคุมโดยรัสเซีย ให้ไม่สามารถลงจอดหรือขึ้นบิน รวมทั้งบินผ่านน่านฟ้าของยุโรป ซึ่งครอบคลุมถึงเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของบรรดาผู้มีอำนาจในรัสเซียด้วย
ประการต่อมาคือการจัดการกับเครื่องมือสื่อสารของรัสเซีย โดยสื่อที่รัฐบาลรัสเซียเป็นเจ้าของ อาทิ รัสเซียทูเดย์และสปุตนิก รวมถึงบริษัทในเครือจะไม่สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่เรื่องโกหกเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับสงครามของปูตินอีกต่อไป โดยเรากำลังพัฒนาเครื่องมือเพื่อยับยั้งข้อมูลที่เป็นพิษและเป็นอันตรายในยุโรป
นอกจากนี้ยังจะมีการขยายมาตรการคว่ำบาตรให้กว้างไกลออกไปโดยพุ่งเป้าไปที่ประเทศเบลารุส ซึ่งเข้าร่วมในการปฏิบัติการโจมตีต่อยูเครนร่วมกับรัสเซีย โดยมาตรการคว่ำบาตรนี้จะพุ่งเป้าไปที่ภาคส่วนที่สำคัญที่สุดของเบลารุส รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกมาจากเบลารุสด้วย