เซเลนสกียกหูคุยผู้นำสหรัฐ-อิสราเอล ไบเดนประกาศหาเงินหนุนยูเครนเพิ่ม
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ทวีตว่า เขาได้หารือกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ซึ่งได้มีการพูดคุยกันถึงประเด็นด้านความมั่นคง การสนับสนุนทางการเงินสำหรับยูเครน และการคว่ำบาตรอย่างต่อเนื่องต่อรัสเซีย
นอกจากนี้ เซเลนสกียังได้หารือกับนายนาฟตาลี เบนเนตต์ นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เพียงไม่นานหลังจากที่เบนเนตต์ได้พบปะหารือกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย นานกว่า 3 ชั่วโมง ที่กรุงมอสโก
ทั้งนี้ แม้ว่าอิสราเอลจะเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐ แต่เบนเนตต์ยังพยายามรักษาความสัมพันธ์อันดีกับรัสเซียเอาไว้ โดยอิสราเอลได้เสนอที่จะเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ตามคำร้องขอของประธานาธิบดีเซเลนสกีอีกด้วย
ในเวลาต่อมาประธานาธิบดีไบเดนเผยว่า ฝ่ายบริหารของเขากำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับสภาคองเกรส เพื่อจัดหาเงินทุนเพิ่มเติมให้กับยูเครน โดยระหว่างการหารือกับประธานาธิบดีเซเลนสกี ไบเดนได้ย้ำความสนับสนุนของเขาต่อยูเครน พร้อมกับย้ำทักษะและความสามารถของพลเมืองรวมถึงกองทัพยูเครน
อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวไม่ได้พูดถึงประเด็นที่เซเลนสกีร้องข้อซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ต้องการให้กองกำลังสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ประกาศเขตห้ามบินเหนือยูเครนแต่อย่างใด
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นสิ่งที่สหรัฐและนาโตพากันออกมาปฏิเสธที่จะดำเนินการ เนื่องจากวิตกว่าจะยิ่งทำให้ความขัดแย้งขยายวงกว้าง และเท่ากับเป็นการทำให้สหรัฐและนาโตกลายเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงของรัสเซียอีกด้วย
เซเลนสกียังพูดคุยกับสมาชิกรัฐสภาสหรัฐเกือบ 300 คนผ่านวิดีโอลิงก์ เรียกร้องให้มีการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย และร้องขอการสนับสนุนเป็นเครื่องบินรบที่ผลิตในรัสเซีย เพราะเป็นเครื่องบินที่นักบินยูเครนรู้จักวิธีบังคับ เพื่อนำไปช่วยต่อสู้กับข้าศึกที่รุกรานเข้ามาในยูเครน
นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาสหรัฐระบุว่า เขาจะช่วยฝ่ายบริหารของรัฐบาลไบเดน เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายเครื่องบินตามคำร้องขอดังกล่าวออกจากยุโรปตะวันออก
เซเลนสกียังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการให้การสนับสนุนทางทหารและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพิ่มเติม
อย่างไรก็ดี คำขออื่นๆ ของเขาอีก 2 ข้อได้รับการปฏิเสธจากสหรัฐแล้ว โดยข้อแรกคือการประกาศเขตห้ามบิน เพื่อตัดการสนับสนุนทางอากาศของรัสเซีย และอีกประการหนึ่งคือการห้ามนำเข้าน้ำมันของรัสเซีย เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐเกรงว่าจะยิ่งทำให้ราคาน้ำมันโลกพุ่งสูงขึ้นอีก