สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานว่า นายวินเซนต์ บีรูตา รัฐมนตรีทรัพยากรธรรมชาติรวันดาเปิดเผยว่า ผู้แทนจากเกือบ 200 ประเทศ บรรลุข้อตกลงในเรื่องการลดการใช้ก๊าซเรือนกระจกในตู้เย็นและในเครื่องปรับอากาศ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ถือเป็นย่างก้าวสำคัญในการต่อสู้รับมือกับภาวะโลกร้อน
“การแก้ไขเพิ่มเติมและการตัดสินใจได้รับความเห็นชอบแล้ว” นายบีรูตาที่เป็นประธานการประชุมหารือเรื่องการลดใช้สารไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (เอชเอฟซี) จัดขึ้นที่กรุงคิกาลี เมืองหลวงของรวันดา ในวันดังกล่าวนี้ ประกาศต่อที่ประชุมท่ามกลางเสียงปรบมืออย่างกึกก้อง
“นี่เป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ของสภาพอากาศ เราได้มีมาตรการเป็นรูปธรรมชัดเจนในการทำตามสัญญาที่ให้ไว้ในการประชุมโลกร้อนที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว” นายมิเกล อารีอัส คานเญเต กรรมาธิการยุโรปด้านการดำเนินการเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศและพลังงานกล่าว และว่า การลดใช้ก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกที่เห็นพ้องกันในวันนี้สามารถลดอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกภายในสิ้นสุดศตวรรษนี้ลงได้ 0.5 องศาเซลเซียส
การเจรจาต่อรองที่ยากลำบากทำให้ได้เห็นประเทศกำลังพัฒนาใหญ่ๆ อย่างอินเดีย ยกระดับการต่อสู้กับโลกร้อนโดยกำหนดช่วงเวลาชัดเจนในการลดการใช้สารเอชเอฟซีและให้เงินทุนสนับสนุนในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน
ภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้ จะแบ่งประเทศต่างๆ เป็น 3 กลุ่ม โดยมีกำหนดเส้นตายที่จะต้องลดการใช้สารเอชเอฟซีในช่วงเวลาที่แตกต่างกันออกไป เริ่มต้นตั้งแต่ลดการใช้ลง 10 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2562 ไปจนถึง 85 เปอร์เซ็นต์ในปี 2579
ข่าวระบุว่า สารเอชเอฟซีได้รับการคิดค้นขึ้นในช่วงยุคทศวรรษที่ 1990 เพื่อทดแทนสารคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (ซีเอฟซี) ที่ใช้อยู่เดิมซึ่งพบว่าทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศโลก แต่กลับพบว่าเอชเอฟซีก่อให้เกิดหายนะของภาวะโลกร้อน
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนจากเอชเอฟซีมาใช้ทางเลือกอื่น อาทิ แอมโมเนีย น้ำ หรือว่าก๊าซที่เรียกว่า ไฮโดรฟลูออโรโอเรฟิน ถือว่ามีต้นทุนสูงเกินไปสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่มีอากาศร้อนมากในฤดูร้อนอย่างเช่น อินเดีย
ทั้งนี้ สารซีเอฟซีที่ใช้มาก่อนหน้าสารเอชเอฟซี ถูกยกเลิกใช้ภายใต้พิธีสารมอนทรีออล เมื่อปี 2530 เมื่อนักวิทยาศาสตร์พบว่าสารดังกล่าวทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศชั้นบนของโลก ที่ทำหน้าที่ปกป้องโลกจากรังสีอัลตราไวโอเลตของดวงอาทิตย์ที่เป็นอันตราย
แต่ปรากฏว่าสารเอชเอฟซีที่ปลอดภัยในแง่การช่วยฟื้นฟูโอโซนในชั้นบรรยากาศนั้น แย่กว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หลายพันเท่าในแง่ของการเป็นก๊าซเรือนกระจกที่สร้างความร้อน
ข้อมูลจากห้องทดลองแห่งชาติเบิร์กลีย์ของสหรัฐ เครื่องปรับอากาศเป็นสาเหตุหลักในการเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจก และโลกมีแนวโน้มว่าจะมีเครื่องปรับอากาศเพิ่มขึ้นอีก 700 ล้านเครื่องภายในปี 2573