อึ้ง! เครื่องบินไชน่าอีสเทอร์น ทิ้งดิ่งเกือบเท่าความเร็วเสียง พบพยายามเชิดหน้าขึ้นก่อนพุ่งปักพื้น
บลูมเบิร์ก รายงานเมื่อวันที่ 23 มีนาคม ระบุว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลเส้นทางการบินของเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ของสายการบินไชน่าอีสเทอร์น ที่ประสบอุบัติเหตุตกลงในเมืองอู๋โจว เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ตอนใต้ของจีน เมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา พบว่า เครื่องบินทิ้งดิ่งลงมาด้วยความเร็วเกือบเท่ากับความเร็วเสียง
การตกกระแทกพื้นโลกด้วยความเร็วระดับนั้นส่งผลให้งานของทีมสืบสวนเป็นไปได้อย่างยากลำบาก และอาจส่งผลให้กล่องดำที่เก็บข้อมูลกรบินและบันทึกเสียงของนักบินที่ออกแบบมาเพื่อทนต่อการตกทูกรูปแบบได้รับความเสียหายได้
เว็บไซต์ Flightradar24 ที่ติดตามเส้นทางการบินพบว่า โบอิ้ง 737-800 พุ่งในลักษณะทิ้งดิ่งลงสู่พื้นโลกด้วยความเร็วสูงถึง 966 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอาจเร็วถึง 1,100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
จอห์น ฮันสแมน อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินและอวกาศ จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ระบุว่า ข้อมูลเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าเครื่องบินเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเกือบเท่าความเร็วเสียง
ทั้งนี้เสียงเดือนทางด้วยความเร็วราว 1,200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ระดับน้ำทะเล แต่เสียงจะเดินทางด้วยความเร็วลดลงเมื่ออยู่ในระดับความสูงเหนือพื้นโลกเนื่องจากอุณหภูมิที่ลดลง โดยเสียงจะเดินทางด้วยความเร็วราว 1,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ความสูง 35,000 ฟุต หรือราว 10,668 เมตร
จากข้อมูลยังแสดงให้เห็นด้วยว่าเครื่องบินมีการเปลี่ยนทิศทางยกระดับขึ้นจากช่วงความสูง 7,425 ฟุต หรือราว 2,200 เมตรเหนือพื้นดินกลับขึ้นมาที่ความสูง 8,600 ฟุต หรือราว 2,600 เมตร ก่อนจะทิ้งดิ่งลงอีกครั้ง
รายงานระบุว่า “กล่องดำ” ซึ่งเก็บข้อมูลการบินในชิพคอมพิวเตอร์มีประวัติอยู่รอดปลอดภัยจากเหตุเครื่องบินตกด้วยความเร็วสูง โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่าส่วนที่ยากก็คือการหากล่องดำให้เจอ โดยในบางกรณีชิ้นส่วนวงจรที่เก็บข้อมูลอาจหลุดออกจากกรอบป้องกันภายนอกได้ แต่โดยปกติแล้วข้อมูลจะยังคงบันทึกอยู่และนำออกมาได้แม้จะได้รับความเสียหายก็ตาม โดยคาดว่ากล่องดำอาจฝังอยู่ในดินตรงไหนซักแห่งในบริเวณจุดตก
