360 ชีวิต 25 วัน 1 ชั้นใต้ดิน กลางสมรภูมิยูเครน
รายชื่อของผู้เสียชีวิตถูกสลักอยู่บนกำแพงในชั้นใต้ดินของโรงเรียน ซึ่งได้กลายเป็นที่หลบภัยของประชาชนมากกว่า 300 คน ตลอดเวลาหลายสัปดาห์ นับตั้งแต่ที่สงครามระหว่างยูเครนและรัสเซียเริ่มขึ้น ที่หมู่บ้านยาฮีดน์ ทางตอนเหนือของกรุงเคียฟ
ฮาลีนา โตโลชินา สมาชิกสภาหมู่บ้าน พยายามสงบสติอารมณ์ขณะที่ดูรายชื่อเขียนด้วยสีดำบนปูนปลาสเตอร์ด้านใดด้านหนึ่งของประตูสีเขียว
ด้านซ้ายของประตูมีชื่อผู้ที่ถูกทหารรัสเซียสังหาร 7 คน สลักไว้อยู่ ส่วนที่ด้านขวาของประตูเขียนชื่อของผู้เสียชีวิตจากสภาพการอยู่ที่เลวร้ายในชั้นใต้ดิน
“ชายชราคนนี้เสียชีวิตก่อน” โตโลชินากล่าวพร้อมชี้ไปที่ชื่อของดมีโตร มูซีกา ซึ่งถูกบันทึกว่าเสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ในห้องใหญ่ของชั้นใต้ดิน
เธอกล่าวว่า ร่างของมูซีกาอยู่ในห้องต้มน้ำเป็นเวลาสองสามวันจนถึงช่วงหยุดยิง บางคนได้รับอนุญาตให้นำคนตายไปฝังในหลุมฝังศพในสุสานของหมู่บ้านที่ขุดไว้อย่างรีบๆ
รอยเตอร์ได้คุยกับผู้อยู่อาศัยในเมืองยาฮีดน์ 7 คน พวกเขาระบุว่า มีผู้เสียชีวิตหรือถูกฆ่าอย่างน้อย 20 ราย ในช่วงที่รัสเซียเข้ายึดครอง อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลยูเครน
เหยื่อรายสุดท้ายที่ถูกจดบันทึกอยู่บนผนังของห้องใต้ดินคือ นาดิยา บุดเชนโก เสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2 วันก่อนที่กองทัพรัสเซียจะถอนกำลังออกจากหมู่บ้าน ขณะที่พวกเขาขับรถไปยังกรุงเคียฟ
ในขณะที่ผู้สูงอายุส่วนใหญ่เสียชีวิตจากอาการอ่อนเพลีย เพราะต้องอยู่ในสถานที่คับแคบ โตโลชินากล่าวว่า มีคนอื่นที่ถูกทหารรัสเซียสังหารด้วยเช่นเดียวกันคือ วิคเตอร์ เชฟเชนโฟ และอนาโตลี ผู้เป็นน้อง
รอยเตอร์ได้สัมภาษณ์ประชาชนอีก 6 คน ซึ่งระบุว่า ต้องอยู่ในห้องคอนกรีตในชั้นใต้ดิน โดยมีเด็กอยู่ด้วยประมาณ 60 คน มีอาหารหรือน้ำเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ยังไม่มีไฟฟ้าและห้องน้ำใช้
ชาวบ้าน 2 คนที่ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์กล่าวว่า ในตอนแรกกองทหารรัสเซียบางส่วนซึ่งมาถึงเมื่อต้นเดือนมีนาคมทำตัวดี แต่บางคนก็เริ่มปล้นสะดม
นายเปโตร ฮลีสตัน วัย 71 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า “พวกเขาเริ่มปล้นสะดม เอาทุกสิ่งที่หยิบได้ ตั้งแต่ไฟฉาย แท็บเล็ตที่ลูกชายเอามาจากโปแลนด์ พวกนั้นเอาไปทั้งหมดเลย”
ชาวบ้านเล่าว่า เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พวกเขาได้รับคำสั่งให้เข้าไปหลบในชั้นใต้ดินของโรงเรียน ซึ่งต่อมาพวกเขาอยู่ในนั้นนานถึง 25 วัน โดยมีเพียงเวลายืดเส้นยืดสายเพียงสั้นๆ เท่านั้น เพราะทหารรัสเซียบอกให้อยู่ชั้นใต้ดินเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
ผู้หลบภัยเล่าว่า ต้องใช้ถังแทนห้องน้ำและนอนในห้องเล็กๆ ที่แออัด ซึ่งไม่มีที่มากพอให้ทุกคนล้มตัวนอนลงไปด้วยซ้ำ
โอลฮา เมเนียโล นักปฐพีวิทยา เล่าว่า ที่นั่นแทบจะหายใจไม่ได้ โดยเธออยู่ในห้องใต้ดินพร้อมกับลูกชายวัย 32 ปี ภรรยาของเขา และลูกๆ ของเขา ซึ่งเป็นเด็กทารกอายุ 4 เดือน และเด็กหญิงอายุ 11 ปี
เธอบอกว่า ทหารรัสเซียขอรายชื่อของคนที่อยู่ในชั้นใต้ดิน เพื่อที่จะได้จัดหาอาหารให้ โดยเธอรวบรวมได้ 360 คน
คนชราหลายคนเสียชีวิตเพราะต้องอยู่ในห้องมืดที่ไม่มีอากาศหายใจ หลังจากที่มีคนเสียชีวิต คนหนุ่มสาวได้รับอนุญาตจากทหารรัสเซียให้ขุดหลุมศพตื้นๆ ได้ ซึ่งในขณะที่ขุดก็เกิดการยิงขีปนาวุธถล่มไปด้วย พวกเขาจึงต้องนอนเนียนไปกับศพเพื่อเอาตัวรอด
หญิงคนหนึ่งที่ต้องออกไปรีดนมวัวเพื่อให้ลูกกิน ส่วนคนอื่นๆ ได้ออกไปบ้างตามแต่คำสั่งของทหารรัสเซีย แต่เมื่อพวกเขากลับมาบ้าน ชาวบ้านพบว่าทุกอย่างตั้งแต่ทีวียันกางเกงในผู้หญิงถูกเอาไปหมดเลย