งานงอก! อีลอน มัสก์ โดนฟ้องละเมิดกฎหมาย ปกปิดกวาดซื้อหุ้นทวิตเตอร์
นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกที่เพิ่งเปิดเผยว่าเขาได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของทวิตเตอร์ บริษัทโซเชียลมีเดียยอดนิยม กลายเป็นคดีฉาวหลังถูกยื่นฟ้องว่ามัสก์จงใจเปิดเผยสัดส่วนการถือหุ้นล่าช้า เพื่อจะทำให้เขาสามารถกวาดซื้อหุ้นเพิ่มเติมได้ในราคาที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
ทั้งนี้ ได้มีผู้ยื่นร้องต่อศาลรัฐบาลกลางในนิวยอร์ก กล่าวหาว่ามัสก์ละเมิดกฎข้อบังคับซึ่งกำหนดให้เขาต้องแจ้งให้ทราบเมื่อครอบครองหุ้นเป็นสัดส่วนอย่างน้อย 5% แต่กลับไม่มีการดำเนินการเช่นนั้น และรอจนกว่าจะถือครองหุ้นได้เกือบสองเท่าหรือมากกว่า 9% จึงมีการเปิดเผยข้อมูลว่ามัสก์กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในทวิตเตอร์ออกมา
กลยุทธ์ดังกล่าวกลายเป็นคดีความเนื่องจากเป็นการทำร้ายนักลงทุนที่ร่ำรวยน้อยกว่า ที่ขายหุ้นทวิตเตอร์ออกไปก่อนที่มัสก์จะออกมายอมรับว่าตัวเองเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งการเปิดเผยดังกล่าวทำให้ราคาหุ้นของทวิตเตอร์มีมูลค่าเพิ่มขึ้นทันที
ผู้ยื่นฟ้องอ้างว่ามัสก์ได้ซื้อหุ้นทวิตเตอร์ในราคาเพียง 36.83 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ในวันที่ 31 มกราคม และได้มีการซื้อหุ้นเพิ่มขึ้นเกือบทุกวัน โดยเมื่อวันที่ 14 มีนาคม สัดส่วนการถือหุ้นของมัสก์อยู่ที่ 5% ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่กำหนดให้ต้องมีการเปิดเผยการถือครองหุ้นของเขาภายใต้กฎหมายเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐภายในวันที่ 24 มีนาคม
อย่างไรก็ดี มัสก์ไม่ได้ดำเนินการใดๆ จนถึงวันที่ 4 เมษายน และการเปิดเผยการกลายเป็นผู้ถือหุ้นทวิตเตอร์รายใหญ่ของมัสก์ทำให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นถึง 27% จากมูลค่าในวันที่ 1 เมษายน จนมูลค่าหุ้นทวิตเตอร์ใกล้แตะ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ในวันดังกล่าว
ผู้ยื่นฟ้องซึ่งมีการเปิดเผยชื่อว่าคือนายมาร์ก ราเซลลา ระบุว่าการชะลอการเปิดเผยข้อมูลการถือครองหุ้นอย่างไม่เหมาะสมของมัสก์ ทำให้นักลงทุนที่เทขายหุ้นไปก่อนหน้านั้นพลาดโอกาสที่จะได้รับผลกำไรอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่มัสก์ยังสามารถช้อนซื้อหุ้นไปในราคาเพียง 37.69-40.96 ดอลลาร์ต่อหุ้น เท่านั้น
ขณะที่ผู้ยื่นฟ้องกำลังพยายามผลักดันให้ได้การรับรองว่าการยื่นฟ้องดังกล่าวเป็นการดำเนินการแบบกลุ่ม ซึ่งหมายถึงเป็นการกระทำในฐานะตัวแทนของผู้ถือหุ้นทวิตเตอร์ที่มีการขายหุ้นระหว่างวันที่ 24 มีนาคม ถึง 4 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวอาจใช้เวลาถึงหนึ่งปีหรือมากกว่านั้น
จาคอบ วอล์กเกอร์ หนึ่งในทีมทนายความที่ยื่นฟ้องมัสก์กล่าวว่า เขาไม่ได้ติดต่อกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ หรือตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับการละเมิดกฎข้อบังคับของมัสก์ ในการเปิดเผยสัดส่วนการถือครองหุ้นของทวิตเตอร์ เพราะเชื่อว่าคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ตระหนักดีถึงสิ่งที่มัสก์ได้ทำ
ด้านโฆษกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์สหรัฐปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นใดๆ เช่นเดียวกับมัสก์ที่ยังคงไม่ตอบคำถามที่มีผู้โพสต์ถามเขาในทวิตเตอร์
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์สหรัฐและมัสก์มีข้อพิพาทกันในศาลตั้งแต่ปี 2561 ก่อนที่มัสก์และเทสลาได้ตกลงที่จะจ่ายค่าปรับเป็นเงิน 40 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติข้อกล่าวหาว่าเขาใช้บัญชีทวิตเตอร์ของตนเอง เพื่อทำให้นักลงทุนเข้าใจผิดเกี่ยวกับการซื้อกิจการของเทสลาซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นจริง โดยการโพสต์ข้อมูลซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น
