ดีเบต ‘มาครง-เลอเปน’ ซัดกันนัว ประเด็นรัสเซีย-ของแพง-มุสลิม

ดีเบต ‘มาครง-เลอเปน’ ซัดกันนัว ประเด็นรัสเซีย-ของแพง-มุสลิม

ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส และนางมารีน เลอเปน คู่แข่งซึ่งชูแนวทางชาตินิยมขวาจัด ซึ่งจะเข้าไปตัดเชือกกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบสุดท้าย ที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 เมษายนนี้ ได้ขึ้นเวทีดีเบตกันตัวต่อตัวซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว โดยมีการพูดโจมตีกันในหลายประเด็นเพื่อเรียกคะแนนสนับสนุนจากผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้ได้มากที่สุด

มาครงกล่าวว่าคู่ต่อสู้ของเขาไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำชาติมหาอำนาจในยุโรปที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ ทั้งยังเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ รวมถึงไม่สามารถที่จะจัดการกับรัสเซีย พร้อมทั้งพยายามแสดงให้เห็นว่าเลอเปนเป็นผู้ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือโดยพื้นฐาน กล่าวหาว่าเธอไม่ซื่อสัตย์และใช้ตัวเลขที่ผิดพลาดในการให้คำสัญญาต่างๆ ระหว่างการหาเสียง

มาครงยังโจมตีแผนการของเลอเปนที่ต่อต้านการย้ายถิ่นฐาน ที่จะห้ามไม่ให้ผู้หญิงมุสลิมสวมผ้าคลุมศีรษะในที่สาธารณะ ซึ่งเขาระบุว่าจะทำให้เกิดสงครามกลางเมืองในประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในยุโรปตะวันตก

ขณะที่เลอเปนได้พูดโจมตีถึงราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้นซึ่งเป็นผลกระทบจากการทำสงครามของรัสเซียในยูเครน โดยระบุว่าการลดค่าครองชีพจะเป็นสิ่งแรกที่เธอให้ความสำคัญ หากได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของฝรั่งเศส และวาดภาพตัวเองว่าเป็นผู้สมัครสำหรับผู้ลงคะแนนเสียงที่ไม่สามารถที่จะหาเงินได้เพียงพอต่อการดำเนินชีวิต

Advertisement

เลอเปนชี้ว่าการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของมาครงทำให้ฝรั่งเศสแตกแยกอย่างลึกซึ้ง ทั้งยังอ้างถึงขบวนการประท้วงเสื้อกั๊กเหลืองที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่แสดงให้เห็นถึงการต่อต้านนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลมาครงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และว่าฝรั่งเศสจะต้องถูกสมานเข้าด้วยกัน

มาครงยังได้วิพากษ์วิจารณ์การกู้เงินของพรรคของเลอเปนจากธนาคารรัสเซีย-เช็กในปี 2557 โดยระบุว่าหนี้ดังกล่าวหมายความว่าหากเลอเปนได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี มือของเธอจะถูกมัดเมื่อต้องรับมือกับเครมลิน เพราะปัญหาคือเลอเปนกำลังพูดกับเจ้าหนี้ของตัวเองเมื่อคุยกับรัสเซีย

“สิ่งที่คุณเลือกเห็นได้ชัดว่าเป็นการจำกัดการเข้ารับตำแหน่งทางการเมืองของคุณ และไม่ได้ทำให้คุณเป็นอิสระ นั่นคือข้อเท็จจริง” มาครงกล่าว

Advertisement

ด้านเลอเปนไม่พอใจต่อข้อสังเกตของมาครงว่าเธอเข้าข้างรัสเซีย โดยยืนยันว่าตนเองมีอิสระในการตัดสินใจ และพรรคของเธอกำลังจ่ายคืนเงินกู้ พร้อมกับบอกว่ามาครงไม่ซื่อสัตย์ที่ยกประเด็นนี้ขึ้นมาโจมตี

ย้อนกลับไปในการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสปี 2560 การดีเบตเช่นนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการรณรงค์หาเสียงของเลอเปน ซึ่งในครั้งนั้นมาครงได้รับชัยชนะด้วยคะแนนสนับสนุน 66% จนก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีที่อายุน้อยที่สุดของฝรั่งเศส ขณะที่เลอเปนได้คะแนนเสียงไป 34%

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image