ศิลปะ-ธรรมชาติ-กิจกรรมท้าทาย ความหลากหลายที่น่าค้นหาแดนกีวี

อ่าวแองเคอเรจ

เป็นความทรงจำที่เลือนรางมากกับการแบกเป้ไปเที่ยวนิวซีแลนด์เองกับเพื่อนเมื่อ 15 ปีก่อน ตอนนั้นคลำทางมั่วๆ ไปตามธงที่ปักหมุดไว้ ก็ทำให้เห็นบ้านเมืองเค้าในมุมที่เราได้ไปสัมผัส จนเมื่อเร็วๆ นี้ได้รับเชิญจากการท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ไปร่วมงาน WOW 2016 งานแฟชั่นโชว์สุดอลังการของนิวซีแลนด์ เลยทำให้มีโอกาสได้เที่ยวชมบ้านเมืองแบบเจาะลึกมากขึ้น

ไร่องุ่น
ไร่องุ่น

สิ่งแรกที่ได้สัมผัสในวันที่เท้าเหยียบย่างถึง “อ๊อกแลนด์” อดีตเมืองหลวงแห่งที่ 2 และเมืองใหญ่ที่สุด ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะเหนือของนิวซีแลนด์ คือ ความหลากหลายทางวัฒนธรรม สังเกตได้จากตลอดทางตั้งแต่สนามบินจนนั่งรถเข้าไปในตัวเมืองจะเห็นป้ายบอกทางหรือชื่อสถานที่ต่างๆ เขียนเป็นภาษาอังกฤษและภาษาเมารี ซึ่งเป็นภาษาของชาวเมารี ชนพื้นเมืองดั้งเดิมก่อนที่ชาวยุโรปผิวขาวจะเข้ามาครอบครองดินแดนแปซิฟิกใต้แห่งนี้เมื่อกว่า 170 ปีก่อน โดยภาษาเมารียังเป็นภาษาราชการของนิวซีแลนด์

โรงแรมดังในเกรย์ทาวน์
โรงแรมดังในเกรย์ทาวน์

ไม่ใช่แค่เรื่องภาษาที่สะท้อนถึงความหลากหลาย หากผู้คนที่พบเห็นได้โดยทั่วไปไม่เพียงเป็นชาวนิวซีแลนด์ที่เป็นฝรั่งผิวขาว ชาวเมารีและชาวแปซิฟิกที่เป็นชนพื้นเมือง เรายังเจอชาวเอเชียหลากสัญชาติทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลี และคนจากชาติเอเชียใต้ที่อพยพมาอาศัยทำมาหากินและเรียนหนังสืออยู่ที่นี่จำนวนมาก มิต้องพูดถึงร้านอาหารเอเชียมีเปิดบริการให้เห็นดาษดื่นตามย่านชุมชนเมือง รวมถึงร้านอาหารไทย

ร้านทำแหวน
ร้านทำแหวน

จากความหลากหลายทางวัฒนธรรมและชาติพันธุ์ที่สัมผัสได้ จึงอยากรู้ว่าที่นี่มีปัญหาเรื่องการเหยียดผิวเหยียดเชื้อชาติรุนแรงอย่างที่เราเห็นในชาติยุโรปบ้างหรือไม่ ก็เลยหลุดปากถามคุณคลอเดีย เจ้าบ้านที่คอยดูแลเราตลอดทั้งทริปเป็นอย่างดีถึงเรื่องนี้ คำตอบที่ได้คือ คนที่นี่อยู่กันอย่างสงบ ไม่มีการเหยียดกัน เมื่อถามถึงความปลอดภัยของการมาท่องเที่ยวที่นี่ว่ามั่นใจได้มากน้อยแค่ไหนจากข้อมูลที่ว่ากันว่านิวซีแลนด์มีอัตราอาชญากรรมต่ำ คุณคลอเดียบอกว่าก็มีอาชญากรรมเล็กๆ น้อยๆ แต่ถึงอย่างไรเราเองก็ควรจะต้องระวังตัวเอาไว้อยู่ดี

Advertisement
แมวน้ำรับแดด
แมวน้ำรับแดด

น่าเสียดายที่มีเวลาอยู่ที่อ๊อกแลนด์แค่วันเดียว แต่ก็ได้เห็นภาพใหญ่ของเมืองนี้พอหอมปากหอมคอจากคุณคลอเดียและคุณคนขับรถแท็กซี่ที่พาไปโฉบดูเมืองอ๊อกแลนด์ก่อนไปส่งโรงแรม ทำให้รู้ว่าที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งการแล่นเรือ จากการเป็นเมืองที่ทอดตัวโดยมีอ่าวตะวันตกและอ่าวตะวันออกขนาบ 2 ฟาก ทำให้การแล่นเรือเป็นหนึ่งในกีฬายอดฮิต นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมท้าทายให้เลือกหลายอย่าง ที่แอบลองไปวัดใจตัวเองมาแล้วคือ สกายวอล์ก ที่เป็นการออกไปเดินท้าทายกระแสลมแรงและความสูงบนหอคอย อ๊อกแลนด์ทาวเวอร์ ที่สูงจากระดับพื้นดิน 192 เมตร แม้จะรู้สึกหวาดเสียว แต่ทัศนียภาพอันงดงามของเมืองอ๊อกแลนด์แบบรอบทิศที่ปรากฏตรงหน้า เป็นรางวัลที่คุ้มค่าไม่น้อยกับการลงทุนท้าความสูงครั้งนี้ แต่ถ้าใครคิดว่าเจ๋งพอ สกายจัมพ์ หรือการกระโดดจากหอคอยนี้ที่ระดับความสูงเดียวกัน เป็นอีกตัวเลือกที่ต้องลอง

ฟาร์มปศุสัตว์
ฟาร์มปศุสัตว์
วีตา เคฟ
วีตา เคฟ

ระหว่างรอไปร่วมภารกิจหลักของทริปนี้หลังจับเครื่องบินจากอ๊อกแลนด์มาถึงกรุงเวลลิงตัน เมืองหลวงปัจจุบัน ก็ยังพอมีเวลาให้ได้ออกไปสำรวจนครหลวงเล็กๆ แห่งนี้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสายลม ประเดิมที่สตูดิโอของ “วีต้า เวิร์กช็อป” ผู้ผลิตอุปกรณ์และทำเทคนิคพิเศษสำหรับภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ที่มีชื่อเสียงของนิวซีแลนด์ โดยบริษัทนี้มีผลงานเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากการรับหน้าที่ทำหุ่นตัวแสดง คอสตูม อุปกรณ์และเทคนิคพิเศษต่างๆ ให้กับหนังมหากาพย์ไตรภาคแนวแฟนตาซี “ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์” หรืออภินิหารแหวนครองพิภพ ผลงานการกำกับและอำนวยการสร้างของ ปีเตอร์ แจ๊กสัน ผู้กำกับชื่อดังชาวนิวซีแลนด์ เมื่อได้เข้าไปเห็นฝีมือการสร้างสรรค์งานที่ต้องใช้จินตนาการสูงและเทคนิคพิเศษเสมือนจริงที่ทำได้อย่างแนบเนียนแล้ว ต้องยกนิ้วให้ เสียดายที่เขาไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป จึงไม่ได้นำผลงานอันน่าทึ่งนอกเหนือจากที่เราได้เห็นกันในหนังลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ มาให้ได้ชม มีเพียงภาพ “กอลลัม” ที่ตั้งเรียกแขกอยู่ใน “วีต้า เคฟ” ถ่ายเก็บไว้มาได้เป็นที่ระลึก

กอลลัม
กอลลัม

เวลาที่เหลือก็ไปเดินทัวร์ชมและชิมตามย่านฮิตในเวลลิงตัน ที่มีตั้งแต่ร้านกาแฟโมโจชื่อดัง ร้านไอศกรีม ไปจนถึงโรงงานช็อกโกแลต ที่แอบฟินหลังได้ลองลิ้มเมล็ดโกโก้สดๆ เพราะรสชาติอร่อยแบบขมๆ มันๆ ถูกลิ้น ระหว่างทางนอกจากจะได้รู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองนี้จากไกด์ เรายังได้ชมสถาปัตยกรรมของตึกอาคารต่างๆ ที่ถูกออกแบบมาอย่างทันสมัยและแข็งแรงมากพอที่จะต้านทานแรงสั่นสะเทือนจากภัยแผ่นดินไหวที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากนิวซีแลนด์มีภูมิศาสตร์ที่ตั้งอยู่บนเปลือกโลก 2 แผ่นมาชนกัน ที่ผ่านมาก็เผชิญเหตุแผ่นดินไหวมาแล้วหลายครั้ง ตามทางยังมีผลงานศิลปะและประติมากรรรมตั้งแสดงอยู่ตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณริมฝั่งน้ำเวลลิงตัน ให้เราได้ชมกันเพลินๆ

Advertisement
โซนสงคราม
โซนสงคราม

อีกแห่งที่น่าสนใจคือ พิพิธภัณฑ์ เทปาปา ทองกาเรวา ศูนย์รวมแห่งการเรียนรู้นิวซีแลนด์ตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและอนาคต ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งน้ำเวลลิงตันเช่นกัน ภายในพิพิธภัณฑ์มีการแบ่งแยกจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์และข้อมูลความรู้ต่างๆ ออกเป็นชั้นๆ เช่น ชั้นที่ 2 เป็นส่วนจัดแสดงเรื่องของสิ่งมีชีวิต-ธรรมชาติ และการเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ของนิวซีแลนด์ในสมรภูมิกัลลิโปลี ชั้น 4 เป็นส่วนจัดแสดงประวัติศาสตร์สังคมและวัฒนธรรมของชนพื้นเมืองเมารี แปซิฟิก และชาติพันธุ์อื่นๆ ชั้น 5-6 จัดแสดงผลงานศิลปะ ข้อดีอย่างหนึ่งของที่นี่คือ เปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรี ไม่เว้นแม้ชาวต่างชาติ แต่ถ้าใครมีจิตอยากสนับสนุน ก็มีตู้รับเงินบริจาคให้ร่วมกันหยอด

วีตา เคฟ
วีตา เคฟ

 

มานิวซีแลนด์คราวนี้ได้ลองนั่งรถไฟจากเวลลิงตันไป “ไวราราปา” ภูมิภาคที่อยู่ห่างออกไปราว 80 กิโลเมตร ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง ก่อนต่อรถยนต์มุ่งสู่ “เกรย์ทาวน์” เมืองเก่าแก่ที่สุดของภูมิภาคที่เป็นจุดหมายหลัก พูดถึงระบบรถไฟของที่นี่ยังเป็นรถไฟธรรมดา ไม่ใช่รถไฟความเร็วสูงที่วิ่งบริการได้ทันใจเหมือนในหลายประเทศ ถ้าไม่รีบ ก็นั่งชมวิวสองข้างทางไป แต่หากใครมีเวลาเหลือเฟือ การเช่ารถขับตระเวนเที่ยวเองไปเรื่อยๆ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะจะได้แวะชมเมือง ดื่มด่ำธรรมชาติที่สวยงามไปพร้อมกัน

เมื่อถึงเกรย์ทาวน์ ก็แวะเดินชมตัวเมือง ชมอาคารบ้านเรือนและร้านรวงเล็กๆ น่ารักๆ ที่ส่วนใหญ่สร้างเป็นสไตล์วิกตอเรียดูเก๋ไก๋ อย่างที่บอก เกรย์ทาวน์เป็นเมืองเก่าแก่ มีผู้เริ่มมาตั้งรกรากเมื่อกว่า 160 ปีก่อน ชื่อเมืองตั้งตามชื่อของ เซอร์จอร์จ เกรย์ ผู้ว่าการที่เข้าซื้อที่ดินจากชาวเมารี เมืองนี้ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจให้เลือก อย่างคอไวน์ก็มีทัวร์ชิมไวน์และชมไร่องุ่น ใครอยากชมสวน ชิมผักและผลไม้สดๆ ก็มีพาทัวร์ชมสวน อยากชมเมืองก็มีจักรยานให้เช่าปั่น ตอนนั่งรถมาที่นี่ คุณคลอเดียเล่าให้ฟังว่า ที่นี่ดินดี อากาศดี ขนาด เจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับมือทองชาวแคนาดา ยังมาซื้อที่ดินที่นี่ทำสวนผักปลอดสารพิษและใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ด้วย

 

เส้นทางเดินป่า
เส้นทางเดินป่า

ก่อนอำลาเมืองนี้ได้แวะไป Kahikatea Garden สวนพฤกษาพันธุ์ไม้และฟาร์มปศุสัตว์ เจ้าของสวนซึ่งเป็นรุ่นที่ 3 แล้ว พาเราเดินชมนกชมสวน พร้อมบอกเล่าเรื่องต้นไม้ไป จนมาหยุดที่ต้นไม้สูงชะลูดต้นหนึ่ง คือต้น Kahikatea พันธุ์ไม้พื้นเมืองที่ตั้งตระหง่านอยู่ที่นี่มานานกว่า 900 ปีแล้ว ส่วนบริเวณฟาร์มเลี้ยงแกะ ลา และม้า มีการกั้นรั้วไม้ขึงด้วยลวดแยกส่วนออกไป ภาพของฝูงแกะขนฟูฟ่องที่กระจายตัวกันอยู่บนผืนหญ้าสีเขียว ดูสบายตายิ่งนัก

ต้น Kahikatea
ต้น Kahikatea

หมุดหมายสุดท้ายของทริปนี้อยู่ที่ “เนลสัน” เมืองเก่าแก่สุดที่ตั้งอยู่ตอนเหนือบนเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ ที่ยังมีชื่อเสียงของการเป็นเมืองศิลปะและมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในแดนกีวี แต่ก่อนที่เราจะได้ไปท่องธรรมชาติ คลอเดียพาเราไปชมตัวเมืองเนลสัน โดยไปที่พิพิธภัณฑ์ World of Wearable Art & Classic Cars Museum ซึ่งจัดแสดงชุดเสื้อผ้าที่เป็นผลงานของดีไซเนอร์ที่ชนะการประกวดบนเวที WOW ในปีต่างๆ และมีส่วนของการจัดแสดงรถยนต์โบราณที่คนรักรถจะต้องตื่นตาตื่นใจ อีกที่เป็นร้านอัญมณี “เจนส์ ฮันเซน” ที่กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากการทำแหวน “The One Ring” ให้กับ ปีเตอร์ แจ๊กสัน ได้ใช้ประกอบฉากในหนัง “ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์” และ “เดอะ ฮอบบิท”
มาถึงไฮไลต์ของทริปนี้ “เอเบลทัสแมน” หนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่สวยที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุดของนิวซีแลนด์ ประเดิมด้วยกิจกรรมยอดฮิตคือ การพายเรือคยัคชมเกาะแก่งต่างๆ ในเขตอุทยานฯ โดยเริ่มจากต้นทางที่หาดไคเทรีเทรี (Kaiteriteri) มุ่งหน้าสู่ทิศใต้ เพื่อไปชม “หินแอปเปิลผ่าซีก” (Split Apple Rock) และมุ่งหน้าสู่เกาะแก่งทางทิศเหนือ แต่ต้องขอสารภาพว่าด้วยเป็นคนเมารถเมาเรือ ทำให้การพายเรือคยัคของตัวเองในทริปนี้ต้องจบลงอยู่แค่ชายหาดบริเวณหินแอปเปิลผ่าซีกเท่านั้น ส่วนคณะที่เหลือก็ไปต่อ

หินแอปเปิลผ่าซีก
หินแอปเปิลผ่าซีก
ประติมากรรมริมน้ำ
ประติมากรรมริมน้ำ

หลังพักร่างจนรู้สึกดีขึ้น ก็ตัดสินใจลงเรือนำเที่ยวที่ทางอุทยานฯ มีไว้บริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการเที่ยวชมทัศนียภาพตามหมู่เกาะต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานฯ นับเป็นโชคดีที่ระหว่างทางได้เห็นแมวน้ำผุดขึ้นมาอาบแดดรับลมอยู่บนโขดหินแถวเกาะอเดล ที่เป็นแหล่งอาศัยของนกนานาชนิดด้วย กระทั่งเรือนำเที่ยวแวะเข้าเทียบหาดหน้า อ่าวแองเคอเรจ (Anchorage) ที่เป็นจุดตั้งแคมป์ยอดนิยม ที่นี่เราได้ทำอีกกิจกรรมส่งท้ายคือ การเดินป่าตามเส้นทางพิทท์เฮด ไปถึงอ่าวเทพูคาที เส้นทางเดินแม้จะเป็นภูเขาสูง แต่ก็ไม่ได้ชันมากนัก แต่ด้วยความที่วันก่อนหน้ามีฝนตกลงมาตลอดทั้งวัน ทำให้ทางค่อนข้างลื่น และอากาศด้านล่างค่อนข้างเย็น ด้วยความชื้นของป่า ทว่าพอเดินขึ้นเนินไปถึงตรงหน้าผา ก็รู้สึกอุ่นขึ้นในทันทีด้วยแสงแดดที่ทอทาบลงมา

พายคยัค
พายคยัค

ตลอดการเดินท่องป่าระยะสั้นที่ใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง ทำให้เรามีโอกาสสัมผัสธรรมชาติอันสมบูรณ์และได้สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดลึกๆ อย่างแท้จริง ขณะที่ภาพของเวิ้งทะเลสีเขียวครามผืนกว้างตัดหาดทรายสีทอง ที่เห็นอยู่เบื้องล่าง กลายเป็นภาพจำที่ปิดทริปท่องนิวซีแลนด์ครั้งนี้ลงอย่างน่าประทับใจ…

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image