อียูจ่อกำหนดละเมิดคว่ำบาตรรัสเซียเป็นอาชญากรรม ทำยึดทรัพย์ง่ายขึ้น
คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ได้เสนอให้กำหนดให้การละเมิดมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียเป็นความผิดร้ายแรง หรือเป็นอาชญากรรม ซึ่งจะเปิดทางให้รัฐบาลของชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) สามารถยึดทรัพย์ของบริษัทหรือบุคคลที่ไม่ดำเนินการตามมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียได้ง่ายขึ้น
ปัจจุบันการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของอียูถือเป็นความผิดทางอาญาใน 12 ชาติสมาชิก แต่บทลงโทษสำหรับการละเมิดการคว่ำบาตรในประเทศต่างๆ ทั่วอียูนั้นยังมีความแตกต่างกันออกไป
ข้อเสนอของอีซีมีเป้าหมายเพื่อรวบรวมการปฏิบัติต่อความพยายามในการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรให้ถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรงสำหรับชาติสมาชิกอียูทั้ง 27 ชาติ เพื่อให้แน่ใจว่าทรัพย์สินของบุคคลรวมถึงหน่วยงานที่ละเมิดการคว่ำบาตรจะถูกยึดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต
นับจนถึงขณะนี้อียูได้ยึดทรัพย์ที่ถือเป็นทรัยพ์สินที่เป็นสิ่งของมูลค่า 1 หมื่นล้านยูโร และอีกมากกว่า 2 หมื่นล้านยูโร ที่อยู่ในบัญชีธนาคารของผู้มีอำนาจในรัสเซียที่สนับสนุนการทำสงครามในยูเครน
อย่างไรก็ดี ก่อนที่ทรัพย์สินเหล่านี้จะถูกยึดและขายทอดตลาด ผู้มีอำนาจต้องถูกตัดสินโทษก่อนว่าพยายามหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตร หรืออาชญากรรมอื่นๆ และทรัพย์สินที่ยึดได้ต้องมีความเชื่อมโยงกับการก่ออาชญากรรมเท่านั้น
ขณะที่กฎหมายใหม่ของอียูซึ่งต้องได้รับการอนุมัติอย่างเป็นเอกฉันท์จากรัฐบาลของชาติสมาชิกอียูทั้งหมด และได้เสียงข้างมากในรัฐสภายุโรป จะลงโทษผู้ที่ช่วยให้เกิดการฝ่าฝืนมาตรการคว่ำบาตร เช่น ทนายความหรือนายธนาคารที่ทำงานกับผู้ที่หลบเลี่ยงข้อห้ามดังกล่าว
อีซียังเสนอให้ทำให้การยึดทรัพย์สินของอาชญากรในอียูโดยทั่วไปทำได้ง่ายขึ้น โดยสามารถกำหนดคำสั่งให้ยึดทรัพย์ทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้ทรัพย์สินถูกย้าย ก่อนที่จะมีคำสั่งศาล โดยมีการประเมินรายได้ต่อปีของเครือข่าวอาชญากรในอียูสูงถึง 1.39 แสนล้านยูโร ซึ่งในจำนวนนี้มีเพียง 2% เท่านั้นที่เจ้าหน้าที่สามารถยึดไว้ได้ และเพียงครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินที่ถูกยึดที่ถูกริบในที่สุด