หุ้นโลกดีดกลับแนวบวก หลังเฟดยันไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งหน้าสูง

หุ้นโลกดีดกลับแนวบวก หลังเฟดยันไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งหน้าสูง

ตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐและทั่วโลกปรับขึ้นมาปิดในแนวบวกอีกครั้งในวันที่ 15 มิถุนายน ตามเวลาท้องถิ่น หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.75% ในคราวเดียว พร้อมกับรับรองว่าจะไม่มีการปรับเพิ่มดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในการประชุมครั้งต่อไปของเฟดอย่างแน่นอน

นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% วานนี้ ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าของการเคลื่อนไหวปกติ โดยเขาย้ำว่า การปรับเพิ่มดอกเบี้ยครั้งนี้ถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ และไม่คาดว่าการกระทำเช่นนี้จะกลายเป็นสิ่งปกติในอนาคต

ประธานเฟดย้ำว่า อาจมีการพิจารณาปรับดอกเบี้ยขึ้นอีกในการประชุมเฟดครั้งต่อไปในเดือนกรกฎาคม แต่สิ่งที่ชัดเจนคือเฟดไม่ได้พยายามจะทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย

หลังการยืนยันในหลักการดังกล่าวของประธานเฟด ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทั้ง 3 ตลาดของสหรัฐพากันปรับตัวขึ้นมาปิดในแนวบวกทั้งหมด หลังมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาจนกระทั่งถูกระบุว่า กำลังเข้าสู่ภาวะตลาดหมี เช่นเดียวกับตลาดหลักทรัพย์ในยุโรปที่ปรับตัวขึ้นตามมา

Advertisement

ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 54.51 จุด หรือ 1.5% ปิดที่ 3,789.99 จุด ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์แกว่งตัวไปมาก่อนที่จะปิดเพิ่มขึ้น 303.70 จุด หรือบวก 1% อยู่ที่ 30,668.53 จุด ด้านดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 270.81 จุด หรือ 2.5% ปิดที่ 11,099.15 จุด

ขณะที่ดัชนี DAX ของเยอรมนีเพิ่มขึ้น 180.90 จุด หรือ 1.36% ปิดที่ 13,485.29 จุด ดัชนี FTSE 100 ของอังกฤษเพิ่มขึ้น 85.95 จุด หรือ 1.20% ปิดที่ 7,273.41 จุด ดัชนี CAC 40 ของฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น 1.35% หรือ 80.29 จุด ปิดที่ 6,030.13 จุด และดัชนี Euro Stoxx 50 เพิ่มขึ้น 1.64% หรือ 57.14 จุด มาอยู่ที่ 3,532.32 จุด

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีลดลงจาก 3.45% ในหนึ่งวันก่อนหน้านี้มาอยู่ที่ 3.21% ขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงจาก 3.48% มาอยู่ที่ 3.28%

Advertisement

ด้านราคาสกุลเงินดิจิทัลก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยบิตคอยน์ลดลงต่ำสุดที่ 20,087.90 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าที่เคยทำสถิติสูงสุดเมื่อปลายปีที่ผ่านมาถึง 71%

แม้ในภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกดูจะปรับตัวดีขึ้น แต่ในสหรัฐยังคงมีข่าวร้ายเกี่ยวกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในครัวเรือนที่ไม่ดีนัก ซึ่งคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในอนาคตจะเพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางปัจจัยลบที่ยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสงครามในยูเครนที่ทำให้ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้น สถานการณ์ของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีนที่ทำให้โรงงานยังต้องปิดตัวและซัพพลายเชนหยุดชะงัก ซึ่งความกังวลเหล่านี้ยังคงดำรงอยู่ และอาจทำให้ตลาดเกิดความผันผวนขึ้นตามมา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image