ดาราดัง เลิกห่วงหล่อ ห่วงสวย ออกมาแชร์ประสบการณ์สู้โรค
การเป็นโรค ไม่ใช่ ‘เรื่องน่าอาย’ ที่ต้องปิดปัง ซ่อนเร้น และยุคนี้มีดาราดังหลายคน เลือกออกมาแชร์ บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ หรือโรคร้ายที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ ล่าสุดก็ จัสติน บีเบอร์ นักร้องซุปตาร์ชาวแคนาดาวัย 28 ที่ออกมาโพสต์คลิปผ่านบัญชีอินสตาแกรม เมื่อวันศุกร์ที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา ว่าเขาได้รับการวินัจฉัยว่าเป็น ‘โรคแรมเซย์ฮันต์ ซินโดรม (Ramsay Hunt Syndrome)’ หลังติดเชื้อไวรัสที่สร้างความเสียหายแก่ระบบประสาทหู ระบบประสาทใบหน้า ทำให้ใบหน้าเป็นอัมพาตครึ่งซีกไม่สามารถกะพริบตาข้างหนึ่ง และไม่สามารถยิ้มได้ และมีผลกระทบต่อทัวร์คอนเสิร์ตที่ต้องยกเลิกไปบ้างแล้ว
เรื่องนี้มีบางคนอาจมองเป็น ‘ความกล้าหาญ’ด้วยซ้ำ ต่อการที่บีเบอร์ออกมาโพสต์ปัญหาสุขภาพที่กำลังเผชิญอยู่ให้บรรดาผู้ติดตามไอจีที่มีอยู่ถึง 241 ล้านคนได้เห็น ในเมื่ออาชีพของเขา เถียงไม่ได้เลยว่า มันขึ้นอยู่กับรูปลักษณ์ หน้าตา เป็นสำคัญด้วย
แม้แต่ เซลมา แบลร์ นักแสดงฮอลลีวู้ดวัย 49 ที่มีผลงานเป็นที่รู้จักจากภาพยนตร์เรื่อง Cruel Intentions และ Legally Blonde ยังเคยเขียนเล่าในหนังสือเรื่องราวชีวิตของเธอชื่อว่า Mean Baby: A Memoir of Growing Up ว่าเมื่อปี 2561 หลังทีมแพทย์ตรวจพบว่าเธอ ป่วยเป็นโรคมัลติเพิล สเคลอโรซิส (multiple sclerosis ) หรือโรคเอ็มเอส ที่มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า”โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง” โรคที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำลายปลอกประสาทที่อยู่ล้อมรอบและปกป้องใยประสาทจนเกิดแผลที่เนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าว ก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น การทรงตัว การควบคุมกล้ามเนื้อ และการทำงานของอวัยวะต่างๆ ซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างยากลำบาก
“ทีมแพทย์ที่ให้การรักษาฉัน ยังเตือนฉันว่าอย่าออกข่าวบอกให้สังคมรู้ พวกเขาบอกฉันว่า คุณเป็นดารานะ ร่างกายของคุณ เสียงของคุณ คือสิ่งที่คุณใช้ทำมาหากิน”
แต่แบลร์ ไม่เชื่อคำเตือนนั้น เธอตัดสินใจออกมาโพสต์ไอจี เล่าถึงเรื่องโรคร้ายที่เธอกำลังเผชิญอยู่ให้สังคมได้รู้กันเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ปี 2561
จากบทความในเว็บไซต์หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ บอกว่ายุคนี้ศิลปิน ดารา มีพื้นที่บนโลกโซเชียลสำหรับติดต่อสื่อสารโดยตรงถึงบรรดาแฟนๆ และมีศิลปินดาราจำนวนมากที่เชื่อว่า การออกมาเปิดเผยถึงโรคภัยไข้เจ็บที่พวกเขากำลังเป็นอยู่ น่าจะเป็นประโยชน์ และเพิ่มความตระหนักรู้ถึงสาเหตุ และอาการของโรค ดีกว่าจะเก็บเรื่องแบบนี้ไว้กับตัว
ในกรณีของบีเบอร์ คริสทีน โควัลซิก รองศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยอีสต์ คาโรไลนา สหรัฐอเมริกา ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับบุคคลมีชื่อเสียง และการสร้างแบรนดิ้ง หรือภาพจำแก่คนดัง ให้ความเห็นว่า
“ถ้าเขาเลือกปิดข่าว มันจะยิ่งทำให้เกิดคำถามมากมายว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา การนิ่งเฉยไม่ทำอะไรเลย ยิ่งจะทำให้เขาตกอยู่ในความเสี่ยงมากกว่าการออกมาทำอะไรสักอย่าง และยิ่งผู้คนได้ยินข่าวว่า เขาต้องยกเลิกคอนเสิร์ตที่นั่น ที่นี่ด้วย คนยิ่งสงสัย ดังนั้นการที่เขาเลือกออกมาเปิดเผยด้วยความจริงใจว่าทำไม ผู้คนก็จะยังคงสนับสนุนและอยากดูผลงานของเขาต่อไป”
คริสทีนยังยกตัวอย่างกรณี แองเจลินา โจลี นางเอกซุปตาร์รุ่นใหญ่ ที่ออกมาเปิดเผยเรื่องที่เธอเลือกผ่าตัดเต้านมทั้งสองข้างออก หลังจากพบว่าเธอมียีนที่เสี่ยงจะก่อให้เกิดมะเร็งเต้านม และมะเร็งรังไข่ โดยโจลีเขียนลงในหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ส เมื่อปี 2556 ว่า “ฉันเขียนถึงเรื่องนี้ เพราะหวังว่าประสบการณ์ของฉันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้หญิงคนอื่น”
ที่น่ายินดีก็คือ มีการศึกษาพบว่า ข่าวของโจลีกระตุ้นให้มีการค้นหาความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม และทำให้ผู้คนเข้ารับการตรวจร่างกายเพื่อค้นหาโรคมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้น