ยุโรประอุ! อุณหภูมิเดือน มิ.ย. พุ่งทำสถิติ ไฟป่าลามหลายประเทศ
อุณหภูมิของหลายชาติในยุโรปพุ่งสูงทำลายสถิติในเดือนมิถุนายน ตั้งแต่ฝรั่งเศส สเปน อังกฤษ ไปจนถึงเยอรมนี อุณหภูมิสูงยังส่งผลให้เกิดไฟป่าในหลายประเทศ ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าอากาศร้อนระอุช่วงต้นฤดูร้อนกำลังจะกลายเป็นเรื่องปกติในยุโรป
คลื่นความร้อนที่พัดเข้าสู่ยุโรปในช่วงสุดสัปดาห์นี้ทำให้หลายประเทศในยุโรปต้องเผชิญกับความร้อนรุนแรง ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ตั้งแต่ช่วงต้นปีของนักวิทยาศาสตร์ว่า จะเกิดคลื่นความร้อนสูงอันเป็นผลจากภาวะโลกร้อน
ผลกระทบจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นพบได้ในหลายประเทศทั่วยุโรป ตั้งแต่รีสอร์ตริมทะเลทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ที่อุณหภูมิพุ่งไปที่ 42.9 องศาเซลเซียส ทำให้ต้องมีการประกาศเฝ้าระวังตั้งแต่ชายฝั่งตะวันตกตอนกลางของฝรั่งเศสไปจนถึงชายแดนสเปน โดยมีรายงานว่าอุณหภูมิพุ่งสูงทะลุ 40 องศาเซลเซียสในหลายพื้นที่
แม้แต่อุณหภูมิในแม่น้ำแซนก็ยังพุ่งสูงเกินกว่าที่จะลงไปแช่หรืออาบน้ำได้ ทำให้ชาวปารีสจำนวนมากหันไปหาน้ำพุต่างๆ ในเมืองเพื่อใช้ลดความร้อนที่ทำให้ผิวไหม้เกรียม ขณะที่ในสวนสัตว์ต้องมีการเฝ้าระวังสัตว์จำนวนมากไม่ให้ประสบภาวะขาดน้ำท่ามกลางแสงแดดแผดเผา
นักอุตุนิยมวิทยาของฝรั่งเศสระบุว่า นี่คือคลื่นความร้อนที่เกิดขึ้นเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้ในฝรั่งเศสนับตั้งแต่ปี 2490 ซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก
ฝรั่งเศสยังเผชิญกับไฟป่าที่เกิดขึ้นจ.วาร์ ซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นพอรว็องซาลป์โกตดาซูร์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ อันเป็นผลจากการยิงกระสุนปืนใหญ่ในการฝึกทหารในภูมิภาค ขณะที่เกษตรกรในฝรั่งเศสก็รับว่าพวกเขาต้องปรับตัวด้วยการหันไปทำงานในช่วงเช้าจนถึง 11.30 น. เท่านั้น ก่อนที่อุณหภูมิในเรือนเพาะชำจะพุ่งสูงถึง 55 องศาเซลเซียสในช่วงบ่าย
ไฟป่ายังเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของสเปน ซึ่งอุณหภูมิส่วนใหญ่ในพื้นที่สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส กินพื้นที่กว่า 126,000 ไร่ ขณะที่ในเยอรมนี แม้อุณหภูมิจะอยู่ที่เพียง 36 องศาเซลเซียส แต่ก็ทำให้เกิดไฟไหม้ป่าในเขตบรนเดนบูร์กรอบกรุงเบอร์ลิน ซึ่งลุกลามออกไปไม่มากนัก
สหราชอาณาจักรก็เผชิญกับอากาศที่ร้อนที่สุดของปีในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นกัน โดยอุณหภูมิสูงถึง 30 องศาเซลเซียสในช่วงบ่าย แม้ชาวอังกฤษดูเหมือนกำลังเพลิดเพลินกับอากาศร้อน แต่ถ้าอุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นกว่าปัจจุบันก็เป็นเรื่องที่น่ากังวล
ในอิตาลี หลายเมืองทางภาคเหนือต้องประกาศใช้มาตรการปันส่วนน้ำ และภูมิภาคลอมบาร์เดียอาจประกาศภาวะฉุกเฉินเนื่องจากภัยแล้งที่หนักหนาสาหัสเป็นประวัติการณ์ส่งผลกระทบกับฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิต นอกจากนี้โคนมของอิตาลียังให้น้ำนมน้อยลง 10% เนื่องจากความเครียดเพราะอุณหภูมิที่สูงเกินไปด้วยเช่นกัน
