นายกฯเดนมาร์ก รอดถูกถอดถอนพ้นตำแหน่ง เหตุออกคำสั่งฆ่าทิ้งมิงค์ หวังสกัดโควิดลาม
นายกรัฐมนตรีเมตเต เฟรเดอริกเซ่น ของเดนมาร์ก รอดพ้นจากการถูกดำเนินคดีเพื่อถอดถอนออกจากตำแหน่ง โดยเพียงได้รับการตำหนิอย่างเป็นทางการจากรัฐสภาเดนมาร์ก รวมถึงจากพรรคสังคมประชาธิปไตยของเธอเองในวันอังคาร (5 ก.ค.) นี้ จากกรณีที่รัฐบาลของเธอตัดสินใจที่จะฆ่าทิ้งมิงค์จำนวนมากถึงราว 17 ล้านตัว ในประเทศเมื่อ 2 ปีก่อน เนื่องจากความหวั่นกลัวการลามระบาดของเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ในช่วงเวลานั้น
สื่อท้องถิ่นชี้ว่า การให้การสนับสนุนของฝ่ายต่างๆ ต่อรัฐบาลเสียงข้างน้อยพรรคสังคมประชาธิปไตยที่มีต่อนางเฟรเดอริกเซ่นนั้น ถือเป็นการลงโทษเพียงเล็กน้อย โดยมีพรรคการเมืองหนึ่งเรียกร้องให้รัฐบาลจัดการเลือกตั้งในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้
“เราเชื่อว่ามีมูลเหตุสำหรับการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล” นายราสมุส สตอคลันด์ โฆษกพรรคสังคมประชาธิปไตย กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ทีวี 2 อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวระบุว่า การตำหนิดังกล่าวของรัฐสภาไม่ได้มีผลเป็นรูปธรรมนัก
ทั้งนี้ รัฐบาลของนางเฟรเดอริกเซ่นได้มีคำสั่งให้มีการฆ่าทิ้งมิงค์จำนวน 17 ล้านตัวในประเทศทิ้งในช่วงปี 2020 เนื่องจากหวั่นกลัวว่าการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ที่กลายพันธุ์จะลุกลามไป แต่การตัดสินใจดังกล่าวของรัฐบาลได้ทำให้เกิดข้อโต้แย้งขึ้นเนื่องจากปรากฎว่าไม่มีหลักเกณฑ์สำคัญทางกฎหมายที่จะเรียกร้องให้มีการฆ่ามิงค์ที่มีสุขภาพดีทิ้ง
“เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การที่รัฐสภาเดนมาร์กได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นเพื่อสอบสวนว่านางเฟรเดอริกเซ่นและรัฐบาลของเธอรู้เท่าทันการออกคำสั่งที่ผิดกฎหมายหรือไม่ ก่อนที่ผลสอบสวนจะได้ข้อสรุปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า นางเฟรเดอริกเซ่นไม่ได้ตระหนักรู้ว่าคำสั่งดังกล่าวนั้นขาดหลักพื้นฐานทางกฎหมาย แต่การกระทำดังกล่าวของสำนักนายกรัฐมนตรี นำไปสู่การเข้าใจผิดอย่างร้ายแรงของผู้เลี้ยงมิงค์และสาธารณชน” คณะกรรมการที่อยู่เบื้องหลังการสอบสวนกล่าวรายงานต่อรัฐสภา
ฝ่ายที่สนับสนุนได้กล่าวว่า พวกเขาจะไม่สนับสนุนการประเมินทางกฎหมายที่เป็นอิสระเกี่ยวกับผลของการสอบสวน ซึ่งอาจกระตุ้นให้มีการเปิดกระบวนการอิมพีชเมนต์ขึ้น ซึ่งทำให้ฝ่ายค้านไม่พอใจอย่างมาก
ด้านพรรคสังคมเสรีนิยมประกาศเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าจะขับไล่รัฐบาลด้วยการลงคะแนนไม่ไว้วางใจ หากไม่มีการจัดให้มีการเลือกตั้งก่อนวันที่ 4 ตุลาคมนี้
ขณะที่นางเฟรเดอริกเซ่นปฏิเสธที่จะให้ความเห็น ว่าจะให้มีการจัดการเลือกตั้งตามที่มีเสียงเรียกร้องหรือไม่