สูงสุดรอบ 40 ปี! เงินเฟ้อมะกัน มิ.ย.พุ่ง 9.1% หวั่น ศก.ถดถอย
อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 40 ปี อีกครั้งที่ 9.1% ท่ามกลางราคาพลังงาน อาหาร รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งสร้างภาระอย่างหนักหน่วงให้กับครัวเรือน และทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจต้องตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่อีกรอบเพื่อลดความร้อนแรงของอัตราเงินเฟ้อ
แนวโน้มที่เกิดขึ้นยิ่งทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยตัวเลขการปรับเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐถึง 9.1% ถือว่าเป็นการเพิ่มขึ้นรายปีที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2524 โดยสาเหตุสำคัญที่มีผลให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นเกือบครึ่งหนึ่งมาจากต้นทุนด้านพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นปัญหาที่เฟดจะต้องเร่งหาทางแก้ไข แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่รวดเร็วที่สุดในรอบสามทศวรรษ เพื่อหวังจะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้ลดลงไปแล้ว อย่างไรก็ดี จากตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในปลายเดือนนี้ถึง 0.75% เช่นเดียวกับเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์พากันปรับตัวลดลงตามไปด้วย
ค่าเช่าที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นผลจากการจ้างงานที่แข็งแกร่งขึ้น โดยอัตราค่าเช่าเพิ่มขึ้น 5.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งถือว่ามากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2529 เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายในการตกแต่งบ้านและราคาเฟอร์นิเจอร์ที่เพิ่มขึ้นถึง 13% จากปีที่แล้ว ที่น่าตกใจที่สุดคือราคาพลังงานซึ่งเพิ่มขึ้น 7.5% ในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ขณะที่ราคาก๊าซเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 60% เมื่อเทียบกับปีก่อน
เมื่อสัปดาห์ก่อน โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติระบุว่า เงินเฟ้อที่กำลังพุ่งสูงขึ้นในสหรัฐทำให้ประชาชนราว 71 ล้านคนต้องประสบปัญหา และถูกผลักให้เข้าไปสู่สถานะยากจนในช่วง 3 เดือนแรกหลังรัสเซียบุกยูเครน
ไม่เพียงแต่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจสหรัฐจะลดน้อยลง คะแนนการยอมรับที่มีต่อประธานาธิบดีโจ ไบเดนก็ลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพรรคเดโมแครตกำลังต้องรับมือกับการเลือกตั้งซึ่งจะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดย 40% ของผู้ตอบแบบสำรวจความเห็นของ AP-NORC เมื่อเดือนมิถุนายนระบุว่า การแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อควรเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุด เพิ่มขึ้นจาก 14% ในเดือนธันวาคมปีก่อน
