WHO แนะคนฉีดเข็มกระตุ้นรอบ 2 ชี้ยุโรปติดโควิดพุ่ง 3 เท่า
นายฮานส์ คลูจ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคยุโรป เผยว่า จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในยุโรปเพิ่มขึ้น 3 เท่าในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นสัดส่วนมากถึงเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกในปัจจุบัน ขณะที่จำนวนผู้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลก็เพิ่มขึ้น 2 เท่า แม้ว่าจำนวนผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในหอผู้ป่วยหนักจะยังคงอยู่ในระดับต่ำก็ตาม
คลูจกล่าวว่า โควิด-19 เป็นความเจ็บป่วยที่น่ารังเกียจและอาจทำให้ถึงตายได้ซึ่งผู้คนไม่ควรประมาทมัน ขณะนี้ตัวแปรโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยซึ่งติดเชื้อได้ง่ายดายอย่างยิ่ง กำลังผลักดันให้เกิดการแพร่ระบาดใหม่ทั่วทั้งทวีปยุโรป รวมถึงการติดเชื้อซ้ำซึ่งอาจนำไปสู่อาการลองโควิดได้
องค์การอนามัยโลกระบุว่า 53 ประเทศในภูมิภาคยุโรปซึ่งครอบคลุมไปถึงประเทศในเอเชียกลาง มีรายงานการพบผู้ป่วยโควิด-19 ใหม่เกือบ 3 ล้านคนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ไวรัสได้คร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ 3,000 คนทุกสัปดาห์ทั่วโลก และจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นในช่วง 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางการที่ประเทศต่างๆ ลดจำนวนการทดสอบเพื่อตรวจหาเชื้อลง
คลูจระบุว่า ด้วยจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นและการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นอีกในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงนี้ การคาดการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดความท้าทายอย่างใหญ่หลวงต่อบุคลากรด้านสาธารณสุขในแต่ละประเทศ ซึ่งต้องตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาลกับการจัดการกับวิกฤตที่ไม่หยุดยั้งนับตั้งแต่ปี 2563
องค์การอนามัยโลกได้ประกาศยุทธศาสตร์สำหรับรับมือกับโควิด-19 ในฤดูใบไม้ร่วงนี้ โดยมีการเรียกร้องให้ผู้คนฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่ 2 สำหรับบุคคลที่มีอายุ 5 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ทั้งยังสนับสนุนให้มีการสวมใส่หน้ากากอนามัยในพื้นที่ปิดและบนระบบขนส่งสาธารณะ รวมถึงควรจัดให้มีการระบายอากาศที่ดีขึ้นในโรงเรียน สำนักงาน และสถานที่อื่นๆ
คลูจกล่าวว่า ขณะนี้ประเทศในซีกโลกใต้กำลังประสบกับการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ที่มากขึ้น ซึ่งเมื่อรวมกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้วก็จะทำให้ระบบสาธารณสุขยิ่งตึงมือ และน่าจะได้เห็นสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันในซีกโลกเหนือ โดยแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้อาจนำไปสู่ความโกลาหลในทางธุรกิจ การเดินทาง รวมถึงในโรงเรียน
แม้ว่าประเทศส่วนใหญ่จะยกเลิกข้อจำกัดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไปแล้ว แต่ผู้อำนวยการขององค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคยุโรปได้เรียกร้องให้ผู้คนตัดสินใจด้วยตนเอง เพราะทุกคนตระหนักว่ามีเครื่องมือที่จะต้องรักษาตัวเองให้ปลอดภัย ประเมินระดับความเสี่ยงของเรา และดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อปกป้องผู้อื่นหากเราติดเชื้อ และเพียงเพราะไม่ได้มีคำสั่งให้สวมใส่หน้ากากอนามัย ไม่ได้หมายความว่ามันถูกห้ามไม่ให้นำมาใช้งาน
