สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐอเมริกา กล่าวเตือนเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนว่า ชะตากรรมของประชาธิปไตยสหรัฐอยู่ในมือของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ในเวลาที่การต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งในทำเนียบขาวระหว่างนางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครตและนายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน เข้าสู่ช่วงสำคัญ
ขณะที่เหลือเวลาเพียง 6 วัน ก่อนจะถึงการเลือกตั้ง ทั้งโลกกำลังตื่นเต้นสุดขีดกับการที่นายทรัมป์มีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นจนไล่จี้ติดนางฮิลลารี ซึ่งสร้างความยินดีให้กับบรรดาชาติที่เป็นศัตรูของสหรัฐ ขณะที่บรรดาชาติพันธมิตรรู้สึกอึดอัด อีกทั้งตลาดหุ้นยังรู้สึกหวาดผวาด้วย
นายโอบามากล่าวในการปราศรัยหาเสียงให้กับนางฮิลลารีในรัฐนอร์ทแคโรไลนาว่า ชะตากรรมของโลกกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ และต้องทำให้แน่ใจว่าเราจะผลักดันไปในทางที่ถูกต้อง
ในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ ชาวอเมริกันจะต้องเลือกระหว่างนักจัดรายการเรียลิตี้ทางโทรทัศน์แนวทางประชานิยม กับผู้คร่ำหวอดทางการเมืองที่ตั้งเป้าว่าจะเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐ ซึ่งตัวเลือกระหว่างนายทรัมป์กับนางฮิลลารีทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งของสหรัฐหลายคนรู้สึกเฉยชา และตัวเลขของโพลสำรวจความคิดเห็นที่ผันผวนไปมาทำให้เป็นการยากที่จะทำนายว่า ใครมีคะแนนนำในรัฐสะวิงสเตทหรือรัฐที่ไม่มีแนวโน้มในการสนับสนุนพรรคไหนอย่างชัดเจน ที่ถือเป็นสมรภูมิสำคัญในการตัดสินว่า ฝ่ายไหนจะได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (อิเล็คทอรัล คอลเลจ) จนสามารถเป็นผู้ชนะได้
นางฮิลลารียังคงมีคะแนนนำในผลสำรวจความคิดเห็นหลายๆ ชิ้น แต่โพลของเอบีซีนิวส์ร่วมกับวอชิงตันโพสต์เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน แสดงให้เห็นว่านายทรัมป์มีคะแนนนำหน้านางฮิลลารีอยู่ที่ 46 ต่อ 45 เปอร์เซ็นต์ สร้างแรงสั่นสะเทือนให้ตลาดหุ้นที่หวาดกลัวว่า ชัยชนะของนายทรัมป์จะก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นายทรัมป์ มหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์ ผู้มีบุคลิกเอะอะโวยวาย ต้องเผชิญกับเรื่องอื้อฉาวทั้งข้อกล่าวหาทางเพศ การไม่จ่ายภาษีและความเชื่อมโยงกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย แต่การรื้อฟื้นการสอบสวนกรณีอีเมล์ของนางฮิลลารี โดยสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (เอฟบีไอ) ได้ช่วยเน้นย้ำให้สาธารณชนกังขาถึงความน่าเชื่อถือของพรรคเดโมแครต
ถึงตอนนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเลือกตั้งระบุว่า การต่อสู้จริงๆ ของทั้งคู่ถูกตีวงให้แคบลงเหลือเพียง 3 รัฐสะวิงสเตทสำคัญเท่านั้น นั่นคือฟลอริดา โอไฮโอ และนอร์ทแคโรไลนา
และด้วยระยะเวลาเพียงแค่ 1 สัปดาห์ก่อนหน้าจะถึงการเลือกตั้ง ตลาดการเงินโดยรวมมีข้อสรุปว่า ชัยชนะของนายทรัมป์จะสร้างความไม่แน่นอนและความเสี่ยงในทางเลวร้ายให้กับบรรยากาศการลงทุน โดยตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงไปในแนวทางเดียวกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ทั่วโลก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 0.4 เปอร์เซ็นต์ ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 0.7 เปอร์เซ็นต์ในตอนปิดตลาด ขณะที่ตลาดหุ้นสำคัญเอเชียและยุโรปเมื่อวันก่อนหน้าปิดร่วงลงมากกว่า 1 เปอร์เซ็นต์
ความตื่นเต้นยังลุกลามมาถึงตลาดอัตราต่อรองด้วย โดนแพดดี้ พาวเวอร์ สำนักพนันถูกกฎหมายของไอร์แลนด์ ประกาศจ่ายเงินล่วงหน้ารวมแล้ว 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้ผู้ที่วางเดิมพันว่านางฮิลลารีจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ขณะที่เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทางบริษัทเปิดเผยว่า 91 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่มาวางเดิมพันในเรื่องนี้กลับแทงว่า นายทรัมป์จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเนื่องจากมีอัตราต่อรองที่น่าดึงดูดใจมากกว่า
