ยูเครนยังเดินหน้าส่งออกธัญพืช รัสเซียปัดไม่รู้เรื่อง ขีปนาวุธถล่มท่าเรือโอเดสซา
หลังเกิดเหตุขีปนาวุธรัสเซียถล่มท่าเรือโอเดสซาของยูเครนเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม หลังเพิ่งมีการลงนามความตกลง 4 ฝ่าย ระหว่างรัสเซีย ยูเครน ตุรกี และสหประชาชาติ เปิดทางให้ยูเครนได้ขนส่งธัญพืชออกสู่ตลาดโลกทางทะเลดำ เพื่อบรรเทาวิกฤตอาหารโลกก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งวัน รัสเซียออกมายืนยันว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
รัฐมนตรีกลาโหมของตุรกีกล่าวว่า เจ้าหน้าที่รัสเซียอ้างกับทางการตุรกีว่า รัสเซียไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการโจมตีดังกล่าว ขณะที่ในแถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย รวมถึงในการแถลงข่าวประจำวันของกองทัพรัสเซียก็ไม่ได้มีการระบุถึงเหตุโจมตีท่าเรือโอเดสซาแต่อย่างใด
กระทรวงกลาโหมยูเครนระบุว่า ขีปนาวุธ Kalibr ของรัสเซีย 2 ลูก โจมตีสถานีสูบน้ำบริเวณท่าเรือ ขณะที่อีก 2 ลูก ถูกกองกำลังป้องกันภายทางอากาศของยูเครนยิงสกัดไว้ได้ โดยโฆษกกองทัพอากาศยูเครนชี้ว่า ขีปนาวุธดังกล่าวถูกยิงจากเรือรบในทะเลดำใกล้กับแหลมไครเมีย
มักซิม มาร์เชนโก ผู้ว่าการภูมิภาคโอเดสซา กล่าวว่า น่าเศร้าที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีกระทรวงโครงสร้างพื้นฐานของยูเครนแจ้งบนเฟซบุ๊กว่า เรายังคงเตรียมการทางเทคนิคสำหรับการกลับมาเปิดตัวการส่งออกสินค้าเกษตรจากท่าเรือของเราต่อไป
สถานีโทรทัศน์สาธารณะ Suspilne อ้างคำกล่าวของกองทัพยูเครนว่า ขีปนาวุธดังกล่าวไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญ และรัฐมนตรียูเครนยังคงยืนยันว่ายังมีการเตรียมการสำหรับการส่งออกธัญพืชจากท่าเรือในทะเลดำต่อไป
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นเป็นความป่าเถื่อนที่แสดงให้เห็นว่า ไม่อาจไว้วางใจรัสเซียว่าจะดำเนินการตามข้อตกลงที่เพิ่งลงนามไปได้ พร้อมระบุว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ยูเครนมีระบบป้องกันภัยทางอากาศที่สามารถยิงขีปนาวุธเหมือนที่เกิดขึ้นในการโจมตีโอเดสซาได้ และรัสเซียต้องรับผิดชอบในการกระทำที่ทำให้วิกฤตอาหารโลกรุนแรงขึ้น
