‘แอมเนสตี้’ ค้านกองทัพเมียนมา หยุดโทษประหารชีวิต หลังตัดสินคดีลับ-ดับชีพ 4 นักปชต.

‘แอมเนสตี้’ ค้านกองทัพเมียนมา หยุดโทษประหารชีวิต หลังตัดสินคดีลับ-ดับชีพ 4 นักประชาธิปไตย

สืบเนื่องกรณีที่สื่อทางการเมียนมารายงานว่า รัฐบาลทหารเมียนมาประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย 4 ราย ในข้อกล่าวหาว่า มีส่วนช่วยเหลือการก่อการร้ายภายในประเทศ ทั้งนี้ นักเคลื่อนไหวทั้ง 4 ราย ถูกตัดสินประหารชีวิตในการพิจารณาคดีแบบปิด เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการประหารชีวิตและได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1980

อ่านข่าว : เพนกวิน ประณามเมียนมา ประหาร 4 นักเคลื่อนไหว ปชต. ชี้ให้โลกเห็นความโหดร้าย ‘เผด็จการทหาร’

รบ.ทหารเมียนมาประหารชีวิต 4 นักเคลื่อนไหวเรียกร้อง ปชต.

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม เอร์วิน วาน เดอ บอร์ก ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยว่า การประหารชีวิตเหล่านี้ถือเป็นการลิดรอนชีวิตตามอำเภอใจ และเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของรายงานด้านสิทธิมนุษยชนที่โหดร้ายของเมียนมา ชาย 4 คน ถูกศาลทหารตัดสินลงโทษจากการพิจารณาคดีอย่างลับๆ และไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง ประชาคมระหว่างประเทศต้องดำเนินการทันที เนื่องจากเชื่อว่ามีผู้ต้องโทษประหารชีวิตมากกว่า 100 คน หลังจากถูกตัดสินโทษในการดำเนินคดีลักษณะเดียวกัน

Advertisement

“เป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว ที่กองทัพเมียนมาได้กระทำการสังหารนอกกระบวนการยุติธรรม การทรมาน และการละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกด้าน กองทัพจะเหยียบย่ำชีวิตของผู้คนต่อไปหากพวกเขาไม่ต้องรับผิดชอบ”

“ในช่วงเวลาที่ประเทศต่างๆ จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังดำเนินการยกเลิกโทษประหารชีวิต การนำการประหารชีวิตกลับมาใช้อีกครั้งหลังจากผ่านไปกว่า 3 ทศวรรษ ไม่เพียงแต่ขัดแย้งกับแนวโน้มทั่วโลก แต่ยังขัดต่อเป้าหมายของการยกเลิกโทษประหารชีวิตที่อยู่ภายใต้กฎหมายและมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ การโดดเดี่ยวตนเองของเมียนมาปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนที่สุด เราขอเรียกร้องให้กองทัพระงับการประหารชีวิตทันที โดยให้ดำเนินการเป็นขั้นตอนสำคัญอันดับแรก” เอร์วิน วาน เดอ บอร์ก กล่าว

Advertisement

ทั้งนี้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุด้วยว่า สื่อของรัฐบาลเมียนมาระบุว่ามีการประหารชีวิตไปแล้ว 4 ครั้ง ดังนี้

เพียว เซยา ตอร์ (Phyo Zeya Thaw) อดีตสมาชิกของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ของอองซานซูจี และจ่อ มิน ยู (Kyaw Min Yu) นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยคนสำคัญ หรือที่รู้จักในชื่อ โก จิมมี่ (Ko Jimmy) ถูกศาลทหารตัดสินลงโทษประหารชีวิตในเดือนมกราคมในความผิดเกี่ยวกับวัตถุระเบิด การวางระเบิด และให้เงินสนับสนุนการก่อการร้ายภายใต้กฎหมายต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เชื่อว่า มีแรงจูงใจทางการเมือง นอกจากนั้น ยังมีชายอีก 2 คน ซึ่งถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆาตกรรมหญิงที่เชื่อว่าเป็นผู้ที่แจ้งข่าวให้กองทัพในเขตหล่ายธาร์ยาร์ (Hlaing Tharyar) ในย่างกุ้งก็ได้รับการยืนยันโทษประหารเช่นกัน

โดยทั้ง 4 คนมีชื่ออยู่ในรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ของรัฐ Global New Light of Myanmar การดำเนินคดีต่อหน้าศาลที่ทหารควบคุมนั้นเป็นความลับและไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง

ภายหลังการออกคำสั่งกฎอัยการศึกที่ 3/2021 ของกองทัพเมียนมา อำนาจในการพิจารณาคดีต่อพลเรือนก็ถูกโอนไปยังศาลทหารพิเศษหรือศาลทหารที่มีอยู่ ซึ่งบุคคลจะได้รับการพิจารณาคดีอย่างรวบรัดโดยไม่มีสิทธิในการอุทธรณ์

ภายใต้กฎหมายและมาตรฐานระหว่างประเทศ การประหารชีวิตหลังจากการพิจารณาคดีที่ไม่ยุติธรรมถือเป็นการละเมิดข้อห้ามต่อการลิดรอนชีวิตตามอำเภอใจ รวมถึงข้อห้ามต่อการทรมานและการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ชี้ว่า การประหารชีวิตที่ทราบครั้งล่าสุดของเมียนมาเกิดขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1980 นับตั้งแต่รัฐประหารในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้บันทึกการใช้โทษประหารชีวิตในเมียนมาที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ซึ่งได้กลายเป็นเครื่องมือสำหรับกองทัพในการปราบปราม ข่มขู่ และคุกคามอย่างต่อเนื่องต่อทุกคนที่กล้าท้าทายกองทัพ

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลคัดค้านโทษประหารชีวิตทุกกรณีโดยไม่มีข้อยกเว้น ประเทศต่างๆ มากกว่า 2 ใน 3 ของประเทศทั่วโลกได้ยกเลิกโทษประหารชีวิตทั้งในทางกฎหมายหรือทางปฏิบัติแล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image