‘ดอน-ไซฟุดดิน’ ร่วมประชุมเจซี-เจดีเอสไทย-มาเลเซีย กระชับความร่วมมือรอบด้าน เอาชนะความท้าท้ายหลากประเด็น

‘ดอน-ไซฟุดดิน’ ร่วมประชุมเจซี-เจดีเอสไทย-มาเลเซีย กระชับความร่วมมือรอบด้าน เอาชนะความท้าท้ายหลากประเด็น

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย แถลงข่าวร่วมกับดาโตะ ซรี ไซฟุดดิน อับดุลละฮ์ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศมาเลเซีย หลังการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (เจซี) ครั้งที่ 14 และการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมสำหรับพื้นที่ชายแดน ระดับรัฐมนตรี (เจดีเอส) ครั้งที่ 5 ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม

นายดอนกล่าวว่า การประชุมทั้ง 2 กรอบนี้เป็นโอกาสอันดีสำหรับไทยและมาเลเซียในการหารือแนวทางเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างรอบด้าน หลังจากที่มีประชุมเจซีครั้งล่าสุดเมื่อปี 2015 การประชุมในครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “เสริมสร้างความยืดหยุ่นฟื้นตัวได้ในช่วงเวลาแห่งความท้าทาย” โดยทั้งสองประเทศมีเป้าหมายการพัฒนาที่ครอบคลุม ทั้งความมั่นคงทางการเมือง เศรษฐกิจ การค้าการลงทุน การท่องเที่ยว พลังงาน สาธารณสุข และประเด็นความร่วมมือทางสังคมและวัฒนธรรมอื่นๆ อีกหลายประการ ทั้งยังการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในประเด็นทวิภาคีและพหุภาคี รวมถึงแนวทางความร่วมมืออื่นๆ ในอนาคต อาทิ เรื่องดิจิทัลและเทคโนโลยี ทั้งสองประเทศให้ความสำคัญกับการทำโรดแมปเพื่อให้บรรลุเป้าหมายต่างๆ ที่วางไว้ภายใต้กรอบเวลาชัดเจน

นายดอนกล่าวว่า การประชุมครั้งนี้จึงถือเป็น “ก้าวสำคัญ” ของทั้ง 2 ประเทศในเส้นทางที่มุ่งไปสู่การบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ร่วมกัน โดยได้มีการหารือถึงเรื่องความท้าทายและปัญหาที่ทั้งคู่กำลังประสบ ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา โลกเกิดความเปลี่ยนแปลงมากมาย ซึ่งได้บ่อนทำลายความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ ทั้งในแง่ของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความมั่นคงด้านสาธารณสุข ความมั่นคงด้านพลังงาน และความมั่นคงทางเทคโนโลยี เราจึงต้องเตรียมความพร้อมและยุทธศาสตร์ให้สมบูรณ์ที่สุดเพื่อเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ และเปลี่ยนมันให้เป็นโอกาส

Advertisement

ด้านนายไซฟุดดินกล่าวว่า การประชุมร่วมกับไทยครั้งนี้เป็นประโยชน์มาก มีผู้แทนของหน่วยงานต่างๆ ของทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมด้วย มีการพิจารณาความก้าวหน้าของโครงการความร่วมมือต่างๆ ที่ได้มีการหารือกันครั้งล่าสุดเมื่อปี 2015 ซึ่งนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศได้ตั้งเป้าให้มีการบรรลุมูลค่าการค้าร่วมกันที่ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2025 เพื่อเพิ่มพูนความร่วมมือทางเศรษฐกิจและสำรวจความร่วมมือใหม่ๆ ในการทำงานร่วมกัน อาทิ การเกษตร และเศรษฐกิจดิจิทัล

นายไซฟุดดินกล่าวว่า ในการประชุมเจดีเอส มาเลเซียและไทยตกลงที่เร่งการสร้างโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะถนนที่เชื่อมโยงบูกิตกายูฮิตัม-สะเดาแห่งใหม่ และสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำโกลกแห่งที่ 2 อีกทั้งยังได้พูดถึงความร่วมมือเพื่อให้เกิดประโยชน์กับผู้ผลิตยางของทั้งสองประเทศ โดยทำให้ราคายางมีเสถียรภาพและสนับสนุนซัพพลายเชนให้แก่อุตสาหกรรมยาง ทั้งสองฝ่ายยังได้ย้ำให้มีการเร่งดำเนินงานโครงการที่ได้ริเริ่มไปแล้ว โดยมีการกำหนดกรอบเวลาในการทำงานที่ชัดเจน รวมถึงได้เล็งเห็นความสำคัญในการเปิดพื้นที่ใหม่ในความร่วมมือระหว่างกัน เนื่องจากการประชุมครั้งก่อนเกิดขึ้นในปี 2015 จึงมีความร่วมมือใหม่ๆ ที่ควรจะหยิบยกขึ้นมาหารือในการประชุมครั้งต่อไป อาทิ ความมั่นคงทางไซเบอร์ โครงการการศึกษาและการอบรม และการแลกเปลี่ยนนักศึกษาเป็นต้น เราตั้งตารอให้มีความคืบหน้าในการดำเนินการในพื้นที่ต่อไป

Advertisement

รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียกล่าวด้วยว่า ระหว่างเดินทางเยือนไทยครั้งนี้ตนยังได้เข้าเยี่ยมคาราวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านได้เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดและครอบคลุมกว้างขวางระหว่างกัน และเราจะแบ่งปันความเจริญรุ่งเรืองอันเนื่องมาจากความใกล้ชิดทางด้านพรมแดน และความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศร่วมกันต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมาหรือไม่ นายดอนกล่าวว่า เป็นเรื่องที่จะหารือกันในภายหลัง การประชุมครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางความท้าทายหลายประการที่เราต้องเอาชนะมัน ประเด็นระหว่างประเทศดังกล่าวก็ถือเป็นเรื่องท้าทายประการหนึ่งเช่นกัน แต่เราต้องทำตามหลัก 3P ประการแรกคือ การปกป้องคุ้มครองประชาชน (protection) การนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น (prosperity) และเราต้องการความเป็นหุ้นส่วนที่เข้มแข็งระหว่างกันในความร่วมมือทุกๆ ด้าน (partnership) ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญและจะทำให้เราบรรลุเป้าหมายที่ได้วางไว้ต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image